Lifestyle

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รถที่คงเอกลักษณ์ของความคลาสสิคและขึ้นชื่อว่าอะไหล่หายากแต่ทำไมถึงยังมีคนสนใจ (คลิป)

อีกครั้งแล้วที่ คมชัดลึกออโต้ ได้โอกาสนำเจ้าจากัวร์ มาบอกเล่าให้ท่านผู้ชมผู้อ่านที่สนใจมารู้จักกันแบบลึกๆ อาจจะแปลกตาเพราะรถที่เรานำมาเล่าถึงคือ  “จากัวร์ เอสไทป์” เป็นน้องเล็กลักษณะรถเก๋งซีดาน 4 ประตู แต่ถ้านึกขนาดตัวรถไม่ออกลองหันไปทางค่ายบีเอ็มดับเบิ้ลยูเทียบเคียงก็คือ ซีรีย์ 5 แค่นี้คงร้องอ๋อใช่ไหมครับว่า เอสไทป์ จัดเป็นรถขนาดใด

ที่บอกเป็นน้องเล็กเพราะครั้งที่แล้วได้นำเสนอ “จากัวร์ เอ็กซ์เจแอล”  ที่เป็นบอดี้ขนาดใหญ่มีความหรูหรามาก แต่พอมาเป็น “จากัวร์ เอสไทป์” ที่ขนาดตัวรถกลับเล็กลงมานั่นเอง นี่คือที่มาของคำว่าน้องเล็กในแบรนด์นี้ 

“จากัวร์ เอสไทป์” แน่นนอนยังเป็นรถจากแดนผู้ดีเช่นเคยที่มีความหรูหราไม่แพ้พี่ใหญ่ โดยประวัติรถรุ่นนี้แรกเริ่มตัว จากัวร์ เองสร้างแต่รถหรูขนาดใหญ่ แต่พอในปี ค.ศ. 1963 จึงเริ่มหันมาลองผลิตรถที่เล็กรองลงมาก็คือ เอสไทป์ และนี่คือที่มาที่ไปของ “จากัวร์ เอสไทป์” นั่นเอง

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

พอมายุค 90 เอง “จากัวร์” ก็ได้หันกลับมาผลิต “จากัวร์ เอสไทป์” ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เริ่มขึ้นสายพานการผลิตมาในปี 1999-2007 แน่นอนก็ยังแฝงเร้นความหรูมาทุกอนู พร้อมกลิ่นอายครั้งอดีตกับไฟหน้าที่มาแบบกลมโต ในยุคที่ทุกค่ายนิยมไม่ว่าทาง เมอร์เซเดส เบนซ์ ก็จะมีรุ่นไฟกลมออกมาเช่นกัน น่าเสียดายที่ “จากัวร์ เอสไทป์” เองไม่ได้มีการสานต่อแต่ทาง จากัวร์ กลับออกมาเป็นรุ่น จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ แทน ซึ่งเปลี่ยนผลิกโฉมครั้งหน้าจะนำมาให้ชมกันครับ

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

แน่นอนว่า “จากัวร์ เอสไทป์” มีประวัติมายาวนาน และในคลิปนี้ทางทีมงาน คมชัดลึกออโต้ ได้รับเกียรติจากกลุ่ม JDS นำรถมาให้ชมและยังมีโอกาสได้นั่งกันถึงสามคัน ที่แตกต่างทั้งขนาดของเครื่องยนต์และปีที่ทำการผลิต แต่ที่น่าแปลกคือ บุคคลที่ครอบครองในปัจจุบันกลับกลายเป็นคนหนุ่มแทน เราลองไปฟังเหตุผลกันครับว่าทำไมพวกเค้าเหล่านี้ถึงสนใจในรถแบรนด์นี้และรุ่นนี้!! ชมได้ในคลิปแบบเจาะลึกสไตล์ คมชัดลึก กันครับ

รู้สึกเป็นยังไงกันบ้างครับพอได้ไปชมกันจริงๆ แบบตาเห็น รู้สึกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของ “จากัวร์ เอสไทป์” ไหมครับผมขอไล่เลียงอันดับสเปกของรถที่แขกรับเชิญได้นำมาให้ชมกัน

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

เริ่มที่คันแรกเป็นของคุณ คุณบอมโดยเป็น “จากัวร์ เอสไทป์” ปี 2000  ที่มากับเครื่องยนต์ 3.0 V6 ไม่มีระบบอัดอากาศโดยสเปกเครื่องนี้ ให้กำลังแรงม้าถึง 238 ตัวที่  6,800 รอบ แรงบิดสูงสุด 293 นิวตันเมตร ที่ 4500 รอบต่อนาที  ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สามารถทำความเร็วได้ถึง 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

คันที่สองมาลองนั่งเป็นของคุณแบงค์ โดยเป็น “จากัวร์ เอสไทป์” ปี 2005 ที่มากับเครื่องยนต์ 3.0 V6 ไม่มีระบบอัดอากาศเหมือนคันแรก โดยสเปกเครื่องนี้ ให้กำลังแรงม้าถึง 238 ตัวที่  6,800 รอบ แรงบิดสูงสุด 293 นิวตันเมตร ที่ 4100 รอบต่อนาที  ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สามารถทำความเร็วได้ถึง 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงถึงแรงบิดที่ต่างจากของคุณบอมแต่แรงม้ากลับเท่าเดิม

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

มาต่อคันสุดท้ายเป็นของคุณคิม ปี 2006 เครื่องยนต์ 2.5 V6  แตกต่างจากสองคันแรกโดยสเปกเครื่องนี้  200 แรงม้าที่  6,800 รอบ มีแรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที  ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สามารถทำความเร็วได้ถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่นอนว่าคันนี้เครื่องเล็กลงแรงม้ากับแรงบิดก็ลดลงมา พร้อมกับขนาดของตัวรถและฐานล้อแทบจะเท่าเดิมมาตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นสุดท้าย

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

และนี่คืออีกหนึ่งในยนตรกรรมของรถยนต์ที่มีทั้งประวัติศาสตร์ของตัวรถเอง แม้ว่ารถจะมีอายุที่เพิ่มขึ้นความสะดวกพร้อมทั้งเทคโนโลยีอาจสู้รถในปัจจุบันไม่ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความรักความชอบของผู้ที่เป็นเจ้าของ ต้องบอกว่านี่ล่ะความสุขของคนที่ รักรถ ครั้งหน้าจะพาไปเล่าเรื่องรถอะไรติดตามได้ที่นี่ที่เดียวกับ คมชัดลึก ครับ.

 

ขอบคุณแขกรับเชิญ คุณบอม คุณคิม คุณแบงค์ คุณเต้ย และคุณพ่อป้อม                                                                                  ข้อมูลอ้างอิง http://www.jag-lovers.org

เรื่อง ธวัชชัย พิชิตรณชัย

e-mail : [email protected]

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

กาลเวลาไม่อาจจะทำอะไรได้...

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ