บริดจสโตน เสริมนุ่ม-เงียบ "ทูรันซ่า ที005เอ"

          บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยางรุ่นใหม่ในตระกูลทูรันซ่า ในรุ่น “T005A” มีให้เลือกตั้งแต่ขนาดขอบล้อ 15 นิ้วไปจนถึง 19 นิ้ว รวมทั้งหมด 33 ขนาด ราคาระหว่าง 3,150-9,090 บาท/เส้น โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี จากการที่พัฒนาขึ้นจากตัวเดิมในทุกๆ ด้าน และจับตลาดทั้งรถขนาดคอมแพคท์ของญี่ปุ่น ไปจนถึงรถขนาดกลางของยุโรป ที่เน้นความสบายในการขับขี่ และเติมอารมณ์สปอร์ตในการควบคุมขับขี่

          บริดจสโตนบอกว่า ความเงียบ มีผลจากการออกแบบลายดอกยางใหม่ ร่องดอกยางถูกปรับให้อยู่ในมุมที่เหมาะสมขณะสัมผัสกับพื้นผิวถนนทำให้ลดแรงกระแทกและลดเสียงรบกวน

          ส่วนความนุ่มมาจากการออกแบบให้กระจายแรงกดที่หน้ายางสม่ำเสมอมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเเดิม พูดง่ายๆ ก็คือ รุ่นเดิมอาจจะมีบางจุดที่มีแรงกดมากกว่าบางจุด แต่รุ่นใหม่กระจายให้กดเท่าๆ กันทั้งหมด เพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ขณะที่ตัวเนื้อยางใช้การผสมแบบใหม่ เรียกว่านาโน โปร-เทค ผสมโพลิเมอร์เข้ากับซิลิก้า ช่วยในการยึดเกาะพื้นถนนเปียก แต่ว่าการทดสอบครั้งนี้ไม่มีพื้นเปียกให้ได้ลอง

          วิศวกรบอกอีกว่า ลายดอกยางนั้นปรับให้โค้งมนมากขึ้นจากเดิมเป็นเหลี่ยมเป็นสัน ซึ่งทำให้ช่วยลดการบิดตัวของร่องดอกยาง ซึ่งมีผลดีต่อการขับขี่และการเบรก

          ยาง เป็นอุปกรณ์สำคัญอันดับต้นๆ ของรถยนต์ หลายคนอาจจะพูดถึงเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบเบรก หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ยางคือชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่มากมาย ทั้งการรองรับน้ำหนักรถ น้ำหนักบรรทุก การลดแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือน การะถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ลงสู่ถนน หรือเส้นทางใดๆ ก็แล้วแต่ การประสานงานกับระบบเบรกเพื่อให้รถชะลอความเร็วหรือหยุดได้อย่างปลอดภัย การช่วยควบคุมการยึดเกาะกับถนนหรือการบังคับทิศทางได้อย่างแม่นยำ

          ยางมีมากมายหลายขนาด แต่สำหรับรถสำหรับบุคคลโดยทั่วไป จะพบความจริงข้อหนึ่งว่า จริงๆ แล้วมันมีพื้นที่สัมผัสกับถนนแค่ประมาณฝ่ามือคน/เส้นเท่านั้นเอง ดังนั้น อะไรหลายๆ ก็ฝากไว้กับพื้นที่ตรงนี้นี่เอง

          ปัจจุบันในบ้านเรามียางจำหน่ายอยู่มากมายหลายยี่ห้อ ทั้งยางที่ผลิตในประเทศ และยางนำเข้าจากหลายแหล่ง ทั้งเอเชีย และยุโรป

          ยางที่มีชื่อเสียงเรียงนามที่รู้จักกันดี ส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป จะแตกต่างกันบ้างก็แล้วแต่แนวคิดในการพัฒนาของแต่ละค่าย

          และสำหรับ บริดจสโตน ทูรันซ่า T005A ทางบริดจสโตนจัดกิจกรรมทดสอบ เส้นทางไม่ไกลนัก ไปกลับ กรุงเทพฯ-อยุธยา ที่เป็นจุดกินข้าว และทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ตามรอยละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ที่วัดไชยวัฒนาราม หนึ่งในวัดเก่าแก่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่มรดกโลก “อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา” ที่ยังคงความสวยงามและเป็นวัดหลักที่ได้รับการพูดถึงในละครหลายบทหลายตอน

          วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมร ทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งคล้ายคลึงกับปราสาทหินนครวัด

          พูดถึงวัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่สวยงามมาก แม้จะถูกทำลายไปมากก็ตาม ผมชอบและเคยเดินทางมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้ตกใจเล็กน้อย เพราะสภาพแวดล้อมรอบข้างเปลี่ยนไป ก่อนถึงวัดมีการปรับพื้นที่เป็นลานรับจอดรถ มีเพิงขายสินค้า เพิงให้เช่าชุดไทย และมีนักท่องเที่ยวหนาตาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ก็ตาม

          รถยนต์ที่นำมาทดสอบราว 10 คัน มีทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ฮอนด้า แอคคอร์ด โตโยต้า คัมรี ด้วยวิธีจับสลากเอา ผมได้แอคคอร์ด ซึ่งก็ดีแล้วครับ เพราะถ้าเป็นเอส-คลาส อาจจะจับใจความเรื่องความนุ่ม หรือเสียงไม่ได้เลย

          เส้นทางก็มีทั้งทางด่วน มอเตอร์เวย์ ถนนสายเอเชีย และถนนเล็กๆ ที่ลัดเลาะไปยังเป้าหมายต่างๆ

          การซับแรงสะเทือนถือว่าใช้ได้ครับ ยางให้ความนุ่มนวลค่อนข้างดี สังเกตได้จากช่วงที่ผ่านถนนซึ่งขรุขระ หรือช่วงที่ขับผ่านเส้นสีขาวหนาๆ ที่บนทางหลวงหลายจุดตีเอาไว้ เพื่อกระตุ้นไม่ให้คนขับหลับใน หรือว่าถึงจุดที่ต้องระมัดระวัง การสั่นสะเทือนน้อย หรือช่วงขึ้นลงคอสะพานที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองไทยที่ไม่เคยเรียบ ต้องมีเด้งมีโดด มันก็เก็บอาการได้ดี การเด้งมีน้อย แน่นอนจุดนี้มีองค์ประกอบ 2 อย่างรวมกัน คือ ยางและตัวรถด้วย

          วิศวกร บริดจสโตนบอกว่า T005A ออกแบบแก้มยางใหม่ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้จำนวนการเด้งลดลงจากรุ่นเดิม แต่ก็ยังคงให้ความสามารถในการดูดซับได้

          ความเงียบใช้ได้ เพราะผมทั้งขับ ทั้งนั่งเบาะหลังก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงจากยางเข้ามาเท่าไร จะว่ารถเก็บเสียงดีก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ความเร็วสูงๆ ยังได้ยินเสียงลมเข้ามาบ้าง แต่เสียงยางนั้นไม่ค่อยได้ยิน

          ก็เป็นเรื่องของการออกแบบดอกยาง เนื้อยางแหละครับ ซึ่งเรื่องนี้ทางวิศวกรบอกว่ายางเมื่อเจอกับถนนอย่างไรเสียก็ต้องมีเสียง ดังนั้นจึงออกแบบชุดดอกยางแต่แถวให้แตกต่างกันไป เพื่อให้แต่ละแถวเกิดเสียงด้วยคลื่นความถี่ที่ต่างกัน และไปหักล้างกัน

          ส่วนเรื่องการเกาะถนน ไม่ได้ลองอะไรมากมาย เพราะเส้นทางก็ไม่ได้มีให้ทดสอบมากนัก แต่อาศัยจังหวะถนนโล่งๆ ลองโยกเปลี่ยนเลนไปมา ก็พอได้อยู่ แต่จะให้ดีต้องมีโอกาสลองกับเส้นทางที่หลากหลายกว่านี้ แล้วค่อยมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ

          แต่เบื้องต้น อย่างน้อย 2 จุดขายหลักคือ นุ่มกับเงียบ ก็ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน จนรู้สึกได้ครับ