เชฟจัดให้เป็นการเปิดโอกาสให้เชฟมีอิสระในการรังสรรค์เมนูอย่างเต็มที่
จากบรรดาอาหารนานาชาติที่มีให้เลือกรับประทานมากมายในบ้านเรา ไม่มีอาหารชาติไหนเลยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากเท่ากับอาหารญี่ปุ่น และท่ามกลางร้านอาหารญี่ปุ่นหลากหลายสไตล์ที่คนจะเลือกเป็นอาหารมื้อพิเศษ ยังมีอาหารชนิดหนึ่งที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักและหากินได้ยากในบ้านเรา นั่นคือ “โอมากาเสะ” หรือการกินแบบเชฟจัดให้ ซึ่งในที่นี้หมายถึงการที่เชฟจะเป็นคนเลือกให้ว่าวันนี้คนที่มาจะได้กินเมนูใดบ้าง เป็นการเปิดโอกาสให้เชฟมีอิสระในการรังสรรค์เมนูอย่างเต็มที่ และวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับการกินแบบโอมากาเสะพร้อมๆ กันที่ร้าน “อิชิกะ” ตั้งอยู่ที่ชั้นเอ็ม โรงแรมแรมแบรนดท์ สุขุมวิท 18
เชฟชาญชัย มีกุล (ซ้าย)
ที่อิชิกะมีคอร์สให้เลือกทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น โดยการคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมียมนำเข้าจากประเทศต้นตำรับ ทั้งยังเลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีเพื่อช่วยส่งเสริมรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเขียงที่ทำจากไม้สนฮิโนกิอายุเกิน 150 ปี จากนากาโน ขณะที่มีดเองก็สำคัญไม่แพ้กัน ทางร้านสั่งทำพิเศษจากเหล็กบลูสตีลชั้นยอดจากเมืองซาไก มีดเล่มนี้จึงคมกริบ สามารถหั่นได้อย่างแม่นยำ และไม่เสียรสชาติของวัตถุดิบแม้แต่น้อย
โมซูกุ จุนไซ
กินนัน เทมปุระ
ชิโรมิ โทโรโระ คอมบุ-ชิราโกะ พอนสึ-มากุโระ ยูเกะ
สำหรับคอร์สที่ เชฟชาญชัย มีกุล ผู้มีประสบการณ์ในวงการอาหารญี่ปุ่นถึง 29 ปี ตั้งใจจัดให้วันนี้คือ “ฟูเกนโซ” ประกอบด้วย 19 ไอเทม โดย 5 ไอเทมแรกเป็นออเดิร์ฟ ได้แก่ โมซูกุ จุนไซ รสออกเปรี้ยวนิดๆ เรียกความสดชื่น, ชิโรมิ โทโรโระ คอมบุ ปลาขาวรวมห่อสาหร่ายราดซอสวาซาบิ, กินนัน เทมปุระ หรือแปะก๊วยญี่ปุ่นทอดเทมปุระ, ชิราโกะ พอนสึ ทำจากสเปิร์มปลาคอด ซึ่งหารับประทานได้เฉพาะฤดูกาลนี้เท่านัั้น และสุดท้ายคือ มากุโระ ยูเกะ เป็นส่วนท้องของปลาทูน่า
คัมพาจิ ท็อปด้วยต้นหอมคลุกกับทรัฟเฟิลออยล์
ซูมิ อิกะ
หลังจากน้ำย่อยทำงานก็เป็นเวลาของซูชิ ที่เรียงรายเสิร์ฟมาอย่างต่อเนื่อง แต่แอบเห็นข้าวของที่นี่จะออกเป็นสีน้ำตาล ถามไถ่ได้ความว่าทางร้านใช้ข้าวญี่ปุ่นผสมกับน้ำส้มแดง ข้าวที่ได้จึงอ่อนนุ่มละมุนลิ้น และช่วยดับความเลี่ยนของปลา เชฟยังแนะอีกว่าควรกินซูชิแต่ละคำภายใน 20 วินาทีหลังเสิร์ฟ เพราะเป็นช่วงที่วัตถุดิบยังคงรสชาติดีที่สุด ฟังเทคนิคการกินแล้วเชฟไม่รอช้าเสิร์ฟคำแรกให้ลิ้มรสทันที โดยไล่เรียงจากปลาที่มีความมันน้อยที่สุดไปยังมันมากที่สุด เริ่มต้นด้วย คัมพาจิ ท็อปด้วยต้นหอมคลุกกับทรัฟเฟิลออยล์ ตามติดด้วย กินเมได, โนโดคุโระ หรือปลาคอดดำ เบิร์นเล็กน้อยเพิ่มความหอม, ซูมิ อิกะ หรือปลาหมึก โรยด้วยเกลือหิมาลายันและผิวส้มยูซุช่วยดับกลิ่นคาวของปลาหมึกได้ดี จากนั้นหันมาซด มิโซะ ทรัฟเฟิล ซุป ให้คล่องคอ แล้วล้างลิ้นด้วย เมียวหงะ เทมากิ
อะกามิ
อะกามิ
เนหงิ โทโร อูนิ
ไปต่อกันที่ อานาโงะ หรือปลาไหลทะเลตัวเล็กเนื้อนุ่ม เบิร์นนิดหน่อยทาซอสเทอริยากิ แล้วโรยเปลือกส้มยูซุ ต่อด้วย ฟูกะฮะเระ หรือหูฉลามเนื้อปู, อะกามิ เป็นส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า โรยงาขาวเล็กน้อมเพิ่มความหอม และแล้วก็มาถึงพระเอกของคอร์สต้องยกให้โอโทโร หรือส่วนเนื้อท้องปลาทูน่านั่นเอง ท็อปด้วยวาซาบิดอง คาเวียร์ และทองคำเปลว ไอเทมถัดมาเป็น เนหงิ โทโร อูนิ ที่หลายคนคิดว่าเป็นไข่หอยเม่นนั่นเอง แต่อันที่จริงมันคือ...อัณฑะของหอยเม่น จากนั้นเป็น ทามาโงะ ยากิ หรือไข่หวานสูตรไม่ผสมแป้ง ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านทีเดียว แล้วล้างคอด้วย โอซุย โมโนะ ซุป ซุปใสที่ได้จากการนำกระดูกปลาคัมพาจิไปย่างแล้วนำมาเคี่ยวไฟเบาๆ นาน 2-3 ชั่วโมงจนหอมกรุ่น ปิดท้ายด้วย สตรอเบอร์รี่สดลูกโตรสหวานรับประทานกับครีมสด ถือเป็นการปิดคอร์สการกินแบบโอมากาเสะที่ยอดเยี่ยมที่สุด
สตรอเบอร์รี่ญี่ปุ่น
ใครที่อยากเปิดประสบการณ์ใหม่กับการกินอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะ แวะไปลิ้มลองกันได้ที่อิชิกะ เปิดทุกวันเว้นวันพุธ มื้อเที่ยงให้บริการเวลา 12.00-14.30 น. ส่วนมื้อเย็นเวลา 18.00-22.30 น. คอร์สมีให้เลือกหลายราคา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองโต๊ะยกหูกริ๊งกร๊างไปที่ 06-1165-6546
ข่าวที่เกี่ยวข้อง