Lifestyle

“ซีอาร์-วี ดีเซล” เครื่องแรง ช่วงล่างนิ่ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ซีอาร์-วี เป็นรถรหัสขายดีของฮอนด้านับตั้งแต่เปิดตัวเจนเนอเรชั่นแรกเมื่อหลายปีก่อน

ด้วยความเป็นรถอเนกประสงค์และแทบไม่มีคู่แข่งโดยตรง แม้ระยะหลังๆ จะมีหลายค่ายที่เข้าสู่ตลาดนี้แต่ก็ยังไม่มากนัก และซีอาร์-วี ก็ยังคงมียอดที่ค่อนข้างดี

ซีอาร์-วี เดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะการหันมาเล่นตลาดเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรก และการเพิ่มรุ่น 7 ที่นั่งเข้ามา

การที่ฮอนด้าหันมาทำตลาดรุ่น 7 ที่นั่งนั้นเกิดจากการศึกษาความต้องการของลูกค้าที่อยากได้รถที่สามารถนั่งได้หลายคนเป็นครั้งคราว แต่เมื่อได้ความต้องการมาแล้วปัญหาใหญ่คือจะทำอย่างไร ให้ใส่เบาะแถวที่ 3 เข้าไปได้ แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักก็ตาม

หัวหน้าทีมวิศวกรบอกว่าไม่ยากอะไร ถ้าจะเลือกใช้วิธีขยายตัวถังออกไป แต่ว่าจะทำให้สูญเสียความเป็นซีอาร์-วี ไป ดังนั้นจึงต้องไปจัดการด้านอื่นแทน หนึ่งในนั้นคือการยืดฐานล้อออกไป

เพราะซีอาร์-วี ใหม่ ถ้าวัดที่ตัวถังภายนอกจะพบว่ามีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมแค่ 1.6 ซม.เท่านั้น แต่ว่าฐานล้อนั้นยาวขึ้น 4.2 มม. ทำให้เพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสารมากขึ้น จากนั้นก็เติมด้วยการออกแบบด้านอื่นๆ เพื่อรองรับที่นั่งที่เพิ่มเข้ามา

และอีกวิธีการหนึ่งที่จะเอื้อให้คนนั่งแถว 3 สะดวกขึ้นคือ การออกแบบให้เบาะแถว 2 เลื่อนหน้า-หลังได้ 15 ซม. ถ้ามีคนนั่งแถวหลังก็เลื่อนไปข้างหน้า ถ้าไม่มี ก็เลื่อนไปข้างหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ช่วงเข่าให้มากขึ้น

เบาะแถว 3 นั้นนั่งได้ครับ แต่จะให้ดีต้องเป็นเด็ก ซึ่งก็เป็นจุดหมายของการออกแบบนี้ ส่วนเบาะแถว 2 ที่ต้องออกแบบเผื่อแถว 3 ด้วย ก็นั่งได้สบายดีทั้งเบาะที่รองก้นที่ดูเหมือนจะสั้นๆ แต่พอลองนั่งก็ถือว่าทำได้ดี ส่วนเบาะหน้านั่งสบายทั้งซ้ายและขวา

เบาะแถว 2 ยังพับได้ 2 ขั้นตอน คือนอกจากพับพนักพิงลงมาแล้ว ยังปลดจุดยึดเบาะกับพื้นรถได้เพื่อยกเบาะไปพิงไว้กับเบาะหน้า ทำให้คนนั่งแถว 3 ขึ้นลงได้สะดวก แถมด้วยการทำร่องที่เสา ซี เอาไว้ใช้มือยึดตอนขึ้นลงอีกด้วย  

ผมชอบการออกแบบภายใน ที่ดูสวยแบบเรียบง่าย และมีการผสมผสานวัสดุที่แตกต่างกันได้ค่อนข้างลงตัว และมีมิติ โดยมีทั้งผิววัสดุที่นุ่ม แข็ง มันวาว และลายไม้

จุดเด่นของฮอนด้าอีกอย่างหนึ่งก็คือ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในรถที่น่าจะถูกใจคนไทย เช่น ที่วางแก้วน้ำขวดน้ำรอบคัน แผงข้างประตูวางแท็บเล็ตได้ คอนโซลกลางมีถาดวางโทรศัพท์แบบเลื่อนเข้าเลื่อนออกได้ มีช่องยูเอสบี 2 ช่องสำหรับเบาะหลัง ส่งเสริมสังคมก้มหน้าเต็มที่ ช่องแอร์ของเบาะทุกแถว

เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่อง 4 สูบใช้รหัส i-DTEC ขนาดความจุ 1.6 ลิตร เทอร์โบ หัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชัน คอมมอนเรล ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้เกียร์ซีวีที

พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ดิสก์เบรก 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหน้า แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งระบบของช่วงล่างจะเหมือนกับรุ่นเบนซิน แต่ตั้งค่าที่ด้านหน้าต่างกัน เพื่อรองรับเครื่องยนต์เบนซินที่มีน้ำหนักมากกว่าเบนซินประมาณ 70 กก.

หัวหน้าวิศวกรผู้สร้างซีอาร์-วี บอกว่าจริงๆ แล้วโครงสร้างตัวถังของซีอาร์-วี ที่ใหญ่กว่ารุ่นเดิมนั้น มีน้ำหนักลดลงจากเจเนอเรชั่นที่แล้ว แต่เมื่อรวมทั้งคันแล้วอาจจะไม่ได้ เพราะอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น เครื่องยนต์ดีเซล เบาะนั่งแถวที่ 3 และอื่นๆ

ผมได้ลองซีอาร์-วี ดีเซล เส้นทาง ภูเก็ต-ระนอง-ภูเก็ต ในช่วงเวลาที่ฝนฟ้าชุ่มฉ่ำทีเดียว ดังนั้นตลอดเส้นทางจึงมีทางที่ไม่มีน้ำผมว่าไม่เกิน 10% ที่เหลือคือการขับผ่านสายฝน หรือบางช่วงฝนขาดช่วงแต่ก็ทิ้งน้ำไว้บนถนน ให้กังวลอยู่บ้าง

แต่พอได้ขับจริง ความกังวลหายไปครับ ยางรีดน้ำได้ดี ช่วงล่างตั้งมาดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการฝ่าฟันไปทั้งทางตรงและทางโค้งที่ปล่อยไหลได้

ช่วงล่างของ ซีอาร์-วี ดีเซล แตกต่างจากรุ่นเดิมชัดเจน ช่วยให้การโยนตัวของตัวถังเมื่อเข้าโค้งเกิดน้อย พวงมาลัยมีน้ำหนักมากขึ้น และแม่นยำขึ้น มันช่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น สนุกได้ในทางโค้ง ส่วนทางทั่วไป แม้จะใช้ความเร็วสูง การควบคุมก็แค่จับหลวมๆ เท่านั้นพอ

แต่ช่วงล่างของซีอาร์-วี ก็ยังเลือกที่จะอยู่กึ่งกลางระหว่างความสบายในการนั่งกับอารมณ์สปอร์ต เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดี ขับสนุกได้ เร่งแซงได้มั่นใจ แต่ยังไม่ถึงกับให้อารมณ์สปอร์ตเต็มที่ แต่เรียกว่าน่าพึงพอใจ และเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป หรือมีธุระเร่งรีบก็ได้

เบรกก็ทำงานได้ดี บนถนนเปียกๆ เช่นนี้ การเบรกหนักๆ รถยังมีการทรงตัวที่ดี แม้หลายครั้งต้องเบรกในโค้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่มีความจำเป็น ซึ่งรถก็ยังควบคุมได้ง่าย

ไม่ต้องเทียบกับใคร เทียบกับตัวเดิม เจนเนอเรชั่นที่ 5 ขับสนุกขึ้นอย่างชัดเจน และลดความเหนื่อยล้าเมื่อขับทางไกลได้ดี ขณะที่ความนุ่มนวล ความสบายที่เป็นจุดขายหลักอย่างหนึ่งก็ยังคงหาได้ในรถคันนี้ครับ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ