ชวนก๊วนแก๊งอร่อยมื้อกลางวัน@ซูม่า

       พูดถึงอาหารที่รสชาติถูกปากคนไทย นอกจากอาหารไทยแล้ว ก็คงต้องยกให้อาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเอามากๆ เห็นได้จากร้านรวงที่ผุดขึ้นมารองรับความต้องการของลูกค้าในบ้านเรามากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็มีจุดขายแตกต่างกันไป อย่างที่ห้องอาหาร “ซูม่า” ภายในโรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส เป็นห้องอาหารร่วมสมัยสไตล์อิซากายะ เปิดให้บริการแล้วถึง 11 สาขาทั่วโลก สำหรับในบ้านเรามีที่นี่เพียงแห่งเดียวรอให้ลูกค้าแวะมาลิ้มลองนานกว่า 5 ปี ทว่ายังมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องต่างๆ ให้มีความแปลกใหม่อยู่เสมอ อย่างล่าสุดเปิดตัว “บิสซิเนส ลันช์ เมนู” ให้บรรดาเจแปนนิสเลิฟเวอร์ได้อิ่มอร่อยกันในมื้อกลางวัน

       ก่อนจะลองชิมอาหารที่จัดมาให้คงต้องพูดถึงสถานที่กันก่อน เพราะเพียงย่างก้าวเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติจากวัสดุหลักที่ใช้ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นไม้ หิน แก้ว และเหล็ก แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราภายใต้เพดานสูง ทำร้านดูโปร่งโล่งสบายมากๆ ร้านแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ให้เลือกนั่งตามแต่ใจชอบ ได้แก่ โซนอินดอร์ในบรรยากาศญี่ปุ่นในอดีตผสมผสานกับวัฒนธรรมร่วมสมัย มีครัวเปิดให้ลูกค้าได้นั่งดูเชฟรังสรรค์อาหารเพลินๆ ด้วย ส่วนโซนนอกร้าน บรรยากาศไม่ต่างจากนั่งรับประทานอาหารชิลๆ ในสวนญี่ปุ่น แต่ช่วงหน้าฝนนี้แนะนำให้นั่งข้างในร้านน่าจะเหมาะกว่า และที่ขาดไม่ได้คือบาร์เปิดแบบญี่ปุ่นขนานแท้ มีเครื่องดื่มต่างๆ ให้เลือกมากมายซึ่งจะช่วยเติมเต็มมื้ออาหารให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ส่วนคนที่มาเป็นหมู่คณะและต้องการความเป็นส่วนตัว ทางร้านก็มีห้องวีไอพีไว้บริการ

ครัวเปิดให้เห็นเชฟปรุงอาหารอย่างใกล้ชิด

      ส่วนเรื่องอาหารรับรองว่าซูม่าไม่ทำให้ผิดหวัง การันตีจากชื่อเสียงที่มีมานานและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จากการเลือกใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมที่มีความสดใหม่มาปรุงอาหารทุกๆ เมนู สำหรับในเมืองไทยยังได้เลือกผักสดจากโครงการหลวงมาเป็นวัตถุดิบในหลายๆ เมนูด้วย สำหรับอาหารที่แนะนำให้ลองรับประทานวันนี้ล้วนเป็นเมนูไฮไลท์ซึ่งทางร้านนำมาจัดเป็นเซตมื้อกลางวันเริ่มต้นด้วยซุปมิโซร้อนๆ ตามติดด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย สามารถเลือกได้ 2 เมนูจากทั้งหมด 6 เมนู ที่นิยมสั่งกันมากก็อย่าง ฮามาจิ ทาทากิ ที่นำปลาฮามาจิเนื้อหวานฉ่ำสลับชั้นด้วยมะเขือเทศสด ราดซอสพอนสึปรุงรสด้วยกระเทียมให้รสชาติที่กลมกล่อมพร้อมความหอมกรุ่นไปพร้อมๆ กัน อีกเมนูทานเล่นง่ายๆ แต่รับรองว่าหารับประทานได้ไม่ง่ายนักต้องยกให้ เกี๊ยวซ่าไส้ปลาแบล็กคอดและกุ้ง ซึ่งนอกจากแป้งจะหอมกรอบแล้ว ความพิเศษอยู่ที่ไส้ซึ่งทางร้านเลือกใช้เนื้อสัตว์ระดับพรีเมียมมาปรุงรสจนได้ที่ นำไปห่อกับแป้งเกี๊ยวทอดจนได้ที่ ก่อนรับประทานจิ้มน้ำจิ้มเพิ่มรสชาติอีกนิด อร่อยจนวางตะเกียบไม่ลงเลยล่ะ

 ฮามาจิ ทาทากิ

       อีกเมนูขายดีคือ ปูนิ่มทอดเสิร์ฟพร้อมวาซาบิมายองเนส ความอร่อยอยู่ที่ตัวปูนิ่มจะเคลือบด้วยซอสรสชาติออกเค็มนิดๆ รับประทานคู่กับมายองเนสรสเผ็ด และสลัดที่ใช้เดรสซิ่งรสออกเปรี้ยวเล็กน้อย อร่อยลงตัวทีเดียว สำหรับหนุ่มสาวรักสุขภาพต้องไม่พลาด ผักกาดแก้วราดซอสวาฟู เชฟเลือกใช้ผักกาดแก้วสดๆ กรอบๆ นำมาราดด้วยน้ำสลัดรสเข้มข้นแบบญี่ปุ่น แต่จะมีความแปลกใหม่กับการเสิร์ฟที่แปลกตา กับการหั่นผักกาดแก้วให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเสียบไม้ อารมณ์คล้ายกับกำลังกินของปิ้งย่าง ส่วนด้านบนท็อปด้วยสาหร่ายอบกรอบช่วยเพิ่มความแตกต่างขณะรับประทาน นอกจากนี้ยังมี ข้าวโพดหวานย่างกับซอสเนยชิโซ และ ทาทาร์ทูน่าเสิร์ฟพร้อมวาซาบิมิโซและรากบัวทอดกรอบ ให้ได้เลือกอร่อยกันด้วย

ปูนิ่มทอดเสิร์ฟพร้อมวาซาบิมายองเนส

ผักกาดแก้วราดซอสวาฟู 

       เมื่อน้ำย่อยทำงานเต็มที่ก็ได้เวลาของเมนคอร์สที่สามารถเลือกได้ 1 เมนูจากที่ทางร้านนำเสนอมาทั้งหมด 5 เมนู ได้แก่ ข้าวหน้าปลาดิบรวม มีทั้งแซลมอน ทูน่า ปลาทางเหลือง และปลากะพง แล่มาเป็นชิ้นโตให้ได้อร่อยกันแบบเต็มปากเต็มคำ สำหรับคนชอบกินปลาแนะนำให้ลองชิม ปลากะพงย่างซอสยูซูโคโชแดง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ โรยหน้าด้วยงาเพิ่มความหอม ขณะที่ ข้าวห่อสาหร่ายและข้าวหน้าปลาดิบรวม ก็จัดมาเป็นคำให้สามารถรับประทานได้ง่าย แถมอร่อยลงตัวด้วย หรือจะเลือกเป็น เทมปุระกุ้งและผักรวมเสิร์ฟกับซอสเทนซูยู ก็อร่อยไปอีกแบบ ส่วน ไก่หมักมิโซข้าวบาเล่ย์อบรองด้วยแผ่นไม้ซีดาร์ เชฟบอกว่าเป็นเมนูกลางๆ ที่เหมาะกับทุกคน เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มอรรถรสในการรับประทานด้วยเมนูพิเศษด้วยการจ่ายอีกนิดหน่อยเพื่อเลือกเมนูปลาแบล็กคอดหมักด้วยมิโซเสิร์ฟพร้อมใบสักทอง หรือเนื้อสันในย่างซอสหวานโรยด้วยพริกป่นญี่ปุ่น

ข้าวหน้าปลาดิบรวม

ปลากะพงย่างซอสยูซูโคโชแดง 

      มาว่าด้วยเรื่องของเครื่องดื่มกันบ้าง ที่นี่มีให้บริการทั้งเครื่องดื่มหลากหลายชนิดที่ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น สาเก โซจู อุเมะชู ฯลฯ รวมถึงค็อกเทลและม็อกเทล ที่ทางร้านรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อนักดื่มโดยเฉพาะ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือทางร้านกำลังจะเปิดตัวค็อกเทล 5 เมนูที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับสาขาในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะเป็นอะไรบ้าง รสชาติแบบไหนอดใจรอออีกนิด ต้นเดือนหน้านี้รู้กัน

เครื่องดื่มเรียกความสดชื่น

    นึกถึงอาหารญี่ปุ่น ก็ลองแวะเวียนไปที่ “ซูม่า” เปิดบริการทุกวันแบ่งเป็น 2 ช่วง มื้อกลางวันเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00-15.00 น. ส่วนมื้อเย็น 18.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2252-4707