"หลวงพระบาง" กี่ครั้งก็ยังแฮปปี้

       สบายดี...หลังจากได้รับคัดเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ.2538 ทำให้ “หลวงพระบาง” กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ มีโรงแรม เกสท์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆ รวมถึงร้านขายของที่ระลึกผุดขึ้นมากมาย ทว่าเวลาผ่านมาถึง 28 ปี หลวงพระบางในวันนี้ยังคงรักษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ตามขนมธรรมเนียมโบราณไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทุกซอกมุมของเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีวัดวาอารามเก่าแก่ พระราชวังเก่า และสถาปัตยกรรมโบราณอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศสที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่หลายแห่ง 

ทิวทัศน์หลวงพระบางยามเช้าบนพระธาตุพูสี

     การเดินทางมาเยือนหลวงพระบางครั้งนี้ ด้วยการเชื้อเชิญจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และโรงแรมอาเซอรัย หลวงพระบาง ทำให้เห็นถึงการธำรงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ที่ดำเนินควบคู่ไปกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว “แก้ว” ไกด์สาวประจำทริปเล่าว่า แต่เดิมหลวงพระบางมีวัดมากถึง 65 วัด แต่ถูกเผาทำลายไปเมื่อครั้งเกิดสงครามกับพวกจีนฮ่อ บางวัดได้รับการบูรณะขึ้นมาอีกครั้งขณะที่บางส่วนถูกปล่อยทิ้งร้างไป ปัจุบันจึงเหลือเพียง 32 วัดที่นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมความสวยงามได้ ซึ่งวัดที่เก่าแก่และเป็นเพียงวัดเดียวที่ไม่ถูกเผาในสงครามครั้งนั้น คือ “วัดเชียงทอง” ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของหลวงพระบาง ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานของพระบางองค์จำลองด้วย ห่างกันไม่มากนักเป็นพระราชวังเก่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2447 สมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2519 รัฐบาลลาวได้เปลี่ยนพระราชวังหลวงมาเป็นหอพิพิธภัณฑ์ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของประเทศลาว

วัดเชียงทอง

    สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตื่นเช้าแนะนำให้ขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นบน พระธาตุพูสี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบางมีบันไดขึ้น 328 ขั้น หากขึ้นถึงยอดยังสามารถชมความงามของเมืองได้โดยรอบ ออกนอกเมืองไปอีกนิดจะพบความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรของน้ำตกกวางสี ที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในหลวงพระบาง ด้วยสภาพแวดล้อมธรรมชาติเต็มไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ น้ำที่ไหลลงมาจึงเป็นสีเขียวใสบริสุทธิ์

แขกบ้านแขกเมืองหลงเสน่ห์วิถีตักบาตรข้าวเหนียว 

น้ำตกกวางสี

       อีกหนึ่งกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้คือ การตักบาตรข้าวเหนียว ที่ยังมีให้เห็นกันทุกเช้า เพราะเป็นวิถีชีวิตปกติของคนพื้นถิ่นที่สืบทอดกันมายาวนาน โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่จะออกมานั่งรอรับพระริมทางเท้าตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งทุกวันพระกว่า 900 รูป จะเริ่มออกเดินบิณฑาตตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ชาวบ้านที่มาใส่บาตรจะค่อยๆ ปั้นข้าวเหนียว หรือนำของแห้งหย่อนลงในบาตร ส่วนอาหารจะมีคนนำไปถวายที่วัด หลังจากใส่บาตรแล้วอย่าลืมไปเดินดูตลาดเช้า มีของพื้นเมืองมาวางขายหลายอย่าง ส่วนช่วงค่ำต้องไม่ตลาดกลางคืนที่เต็มไปด้วยของพื้นเมือง เหมาะมากที่จะซื้อกลับไปเป็นของฝาก

โรงแรมอาเซอรัย หลวงพระบาง

      หลังจากสำรวจรอบๆ เมืองไปแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนกันล่ะ หากต้องการใช้ชีวิตแบบสงบ โรงแรมอาเซอรัย หลวงพระบาง ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว เพราะถึงจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ของโรงแรมความรู้สึกเป็นส่วนตัวจะกลับคืนมาทันที อาเซอรัย หลวงพระบาง เป็นบูติคโฮเทลแบบลักชัวรี่สไตล์คอนเทมโพรารี่ที่ยังไม่ลืมกลิ่นอายเฟรนช์โคโลเนียล กับห้องพักขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกในราคาที่แตะต้องได้ ทั้งยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะด้วยการเดินเล่นชมเมือง หรืออยากจะปั่นจักรยานชิลๆ ลัดเลาะริมน้ำโขงทางโรงแรมก็มีไว้บริการทุกรูปแบบตามที่ลูกค้าต้องการ...