ครบครันความอร่อยด้วยวัตถุดิบชั้นดี
เวลาจะนัดเจอเพื่อนฝูงสังสรรค์กันแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่มักจบลงที่ร้านชาบู เพราะนอกจากเลือกรับประทานได้หลากหลายตามความชอบของแต่ละคนแล้ว การได้ลวกอาหารไปรับประทานไป คุยหยอกล้อกับเพื่อนๆ ไปก็นับว่าเป็นเสน่ห์ของอาหารประเภทลวกจิ้ม ยิ่งร้านไหนเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีด้วยล่ะก็ รับรองลูกค้าเข้ามาใช้บริการจนเสิร์ฟแทบไม่ทันทีเดียว ดูอย่างที่ “กินแซ่บชาบู” สาขาล่าสุดที่ แจส เออร์เบิน ศรีนครินทร์ ที่เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ลูกค้าแวะเวียนเข้ามารับประทานกันไม่ขาดสาย ร้านนี้เขามีทีเด็ดตรงไหนวันนี้ล่ะรู้กัน
“เล็ก” วินัย มโนธรรมเมธา หนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของร้าน เล่าว่า กินแซ่บชาบู เกิดขึ้นจากความชอบรับประทานชาบูของบรรดาหุ้นส่วนทั้ง 6 บวกกับที่ทางบ้านทำลูกชิ้นขายอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มีร้านนี้ โดยสาขาแรกเปิดอยู่ในซอยรามคำแหง 24 แล้วแตกมาที่นี่เป็นสาขาที่ 2 เพื่อให้คนย่านชานเมืองมีโอกาสลิ้มลองความอร่อยกันบ้าง ซึ่งร้านนี้มีความต่างจากชาบูที่อื่นๆ อยู่หลายอย่างด้วยกัน เริ่มที่ตัวร้านก่อนเป็นอย่างแรก เพียงแค่ก้าวเข้าไปที่กินแซ่บชาบูจะสัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่งสบาย ภายใต้การตกแต่งที่เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ใช้มีอิฐเป็นวัสดุหลักเข้ากันได้ดีกับผนังปูนเปลือยและโต๊ะไม้ คุมสีโดยรวมเป็นเอิร์ธโทนให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับนั่งรับประทานอยู่ที่บ้าน ส่วนโต๊ะมีให้เลือกหลายขนาดไม่ว่าจะมาเป็นคู่ มากับครอบครัว หรือมาเป็นกลุ่มทางร้านก็มีห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 12 คน
ค่อยๆ เติมมันกุ้งลงในน้ำซุป
น้ำจิ้ม 4 แบบ 4 รสชาติ
เลือกที่นั่งเหมาะสมแล้วก็ได้เวลาสั่งอาหารกันล่ะ ที่นี่ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์การันตีความสดของวัตถุดิบทุกชนิด ตลอดระยะเวลา 90 นาที ลูกค้าสามารถเลือกสั่งได้เต็มที่ แต่ก่อนอื่นขอแนะนำน้ำซุปกันก่อนเพราะมีให้เลือกถึง 4 แบบ ที่คนนิยมกันมากต้องยกให้น้ำซุปดำรสกลมกล่อมไม่เค็มหรือหวานจนเกินไป ขณะที่น้ำซุปต้มยำมันกุ้งเป็นซุปที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ เพราะนอกจากจะครบครันเครื่องต้มยำแล้ว ยังเข้มข้นหอมมันจากมันกุ้งที่ใส่ลงไปในน้ำซุป สำหรับมันกุ้งนี้ทางร้านคิดราคาเพิ่มนิดหน่อย แต่รับรองคุ้มค่าความอร่อยแน่นอน นอกจากนี้ยังมีน้ำซุปใสแบบออริจินอลที่ปรุงจากเนื้อปลาโดยไม่ใส่ผงชูรส และน้ำซุปแซบรสชาติเข้มข้นคล้ายแจ่วอีสาน ขณะที่น้ำจิ้มก็มีให้เลือก 4 แบบ 4 รสชาติเช่นกัน ได้แก่ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มพอนสึสูตรเฉพาะออกรสเปรี้ยวนิดๆ เติมพริก กระเทียม และต้นหอมลงไปรับรองเด็ดมากๆ ซึ่ง 2 แบบนี้จะเสิร์ฟให้ตั้งแต่แรก แต่ถ้าชอบน้ำจิ้มรสหวานแนะนำเป็นน้ำจิ้มงา หรือจะเป็นน้ำจิ้มสไตล์แจ่วที่ทำจากน้ำมะขาม ก็แจ้งขอกับพนักงานได้ทันที
ลูกชิ้นโฮมเมดไม่ผสมแป้ง
ส่วนของเนื้อสัตว์มีบริการทั้งหมูและเนื้อ ใครชอบรับประทานหมูก็มีเลือกทั้ง สันนอก สันคอ เบคอน และตับหมู หรือหากเป็นบีฟเลิฟเวอร์ก็มีให้เลือกทั้งเนื้อหนอก ริบอาย สันนอกและเสือร้องไห้ ขณะที่ซีฟู้ดก็มีไว้บริการทั้งปลาหมึกสดๆ กุ้งตัวโตแบบเต็มปากเต็มคำ และปูอัด ในช่วงเย็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ยังมีปลาสด หมุนเวียนมาเสิร์ฟเป็นคอมพรีเมนทารี่พิเศษด้วยลูกค้าที่ชอบกินปลาจึงไม่ควรพลาด เสริมความอร่อยอีกนิดด้วยฮือก๊วย เกี๊ยวปลา ปลาสวรรค์ หมูเด้ง วุ้นเส้น มาม่า เต้าหู้ไข่ ไข่ไก่ ข้าวสวย ข้าวกระเทียม และที่พลาดไม่ได้คือ ลูกชิ้นโฮมเมดแบบไม่ผสมแป้ง มีให้เลือกอร่อยทั้งลูกชิ้นปลากลม ลูกชิ้นปลารักบี้ และลูกชิ้นกุ้ง
สำหรับคนรักสุขภาพคงไม่พลาดรับประทานผัดสดที่ทางร้านคัดสรรมาบริการหลากหลายชนิด อาทิ ผักกาดขาว ข้าวโพดอ่อน ข้าวโพดฝัก เห็ดเข็มทอง เห็ดนางฟ้า ผักกวางตุ้งไต้หวัน ผักชีฝรั่ง หอมหัวใหญ่ แครอท เป็นต้น เมื่อเครื่องพร้อม อุปกรณ์พร้อม พอดีกับที่น้ำซูปกำลังเดือดได้ที่เป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาลงมือลิ้มรสความอร่อยกันได้แล้ว ใครชอบรับประทานอะไรก็คีบลงไปลวกในน้ำซุปได้เลย ลวกปุ๊บ!! จิ้มน้ำจิ้มปั๊บ!! พร้อมคีบเข้าปากได้ทันที ง่ายๆ แค่นี้ก็ได้สัมผัมถึงรสชาติความอร่อยของชาบูกันแล้ว อ่อ...ทางร้านยังแนะนำวิธีการรับประทานหมูเด้งกับมอสซาเรลล่าชีสจากเบลเยียมมาฝากกันด้วย รับรองว่าคนชอบชีสต้องติดอกติดใจกันทีเดียว เริ่มจากแผ่เนื้อหมูให้แบออกใส่ชีสลงไปตรงกลาง แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ คล้ายลูกชิ้น ค่อยๆ หย่อนลงในหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือดปุดๆ พอหมูสุกตักขึ้นมารับประทาน ชีสที่อยู่ตรงกลางจะยืดดึ๋งๆ แนะนำให้รีบหม่ำตอนยังร้อนรับรองนุ่มอร่อยจนวางตะเกียบไม่ลงเลยล่ะ
อิ่มของคาว อย่าลืมตบท้ายด้วยไอศกรีมโฮมเมด รสชาติแปลกๆ ที่รับรองว่าหารับประทานได้ไม่ง่ายนัก เช่น ทุเรียน เผือก ลิ้นจี่ ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มซอฟท์ดริงก์ก็มีให้เลือกหลายสี ทั้งหมดทั้งมวลนี้รวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์แล้ว ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าอะไรเพิ่มให้รำคาญใจ
สิบปากว่าคงไม่เท่าลิ้มลองด้วยตัวอง เอาเป็นว่าอร่อยเด็ดแค่ไหนไปชิมกันเองจะดีกว่า ร้านอยู่บนชั้น 2 แจส เออร์เบิน ศรีนครินทร์ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11 โมงยาวไปจนถึง 4 ทุ่ม แต่บางช่วงเวลาอาจต้องรอนานไปบ้าง ถ้าไม่อยากให้เสียอารมณ์ยกหูไปจองโต๊ะไว้ก่อนเลยที่เบอร์ 08-7594-7774
ข่าวที่เกี่ยวข้อง