โลกร้อน ทำ‘กุ้งมังกร’ในสหรัฐลดลง

         แม้กุ้งมังกรในเขตนิวอิงแลนด์ของสหรัฐ จะเป็นแหล่งอาหารอันดับแรกๆของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่นี้ และเมื่อเร็วๆ นี้ รัฐต่างๆ ในเขตนี้ ก็ได้มีคำสั่งจำกัดจำนวนการจับกุ้งมังกร ไล่ตั้งแต่รัฐนอร์ท แคโรไลนา ไปจนถึงชายแดนติดต่อแคนาดา แต่ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ก็ยังส่งผลกระทบต่อจำนวนกุ้งมังกรสายพันธุ์พื้นเมืองเหล่านี้

         ผลสำรวจกุ้งมังกรอายุน้อย ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2556 แสดงให้เห็นถึงจำนวนประชากรกุ้ง ในถิ่นที่อยู่อาศัย 11 แห่ง ตามที่คณะกรรมการประมงกลุ่มรัฐแอตแลนติกบันทึกไว้นั้น ลดลงไปอย่างน้อย 50% แนวโน้มที่สร้างความมืดหม่นให้กับทั้งกุ้งมังกร และชาวประมง ซึ่งแน่นอนว่า่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคด้วยเช่นกัน ในแง่ที่ว่า ต้องจ่ายเงินแพงขึ้น ถ้าต้องการบริโภคกุ้งชนิดนี้ การค้นพบดังกล่าว ทำให้คณะกรรมการประมงกลุ่มรัฐแอตแลนติก ต้องพิจารณาทางหนทางใหม่ ที่จะเข้ามาอนุรักษ์กุ้งมังกร

        ซึ่งรายงานของคณะกรรมการชุดนี้ ระบุว่า หนึ่งในวิธีอนุรักษ์กุ้งชนิดนี้อาจเป็นการเพิ่มขนาดขั้นต่ำของกุ้งที่จะอนุญาตให้จับได้ แดน แมคเคียร์แนน หนึ่งในคณะกรรมการกุ้งมังกร กล่าวว่า ความท้าทายใหญ่สุดที่กำลังเกิดขึ้น คือ ความพยายามที่จะตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการบริหารจัดการประมง ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมนี้ กำลังเผชิญกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ปริมาณกุ้งที่ลดลง มีสาเหตุมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่อุ่นขึ้น ตามปกติแล้วกุ้งมังกรจะใช้เวลาในการเติบโตราว 8 ปี จึงจะมีขนาดใหญ่พอที่จะจับได้ แต่ยังมีช่วงวัยเจริญพันธุ์เข้ามาเป็นข้อกำหนดสำหรับการจำกัดการจับกุ้งชนิดนี้ เพื่อให้เกิดการทำประมงอย่างยั่งยืน

          ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองสุดนั้น ชาวประมงทางตอนใต้ของเมืองเคปคอด ทางตะวันออกสุดของรัฐแมสซาชูเซตส์ สามารถจับกุ้งมังกรได้มากสุดถึง 10 ล้านกิโลกรัม ในปี 2540 แต่กุ้งที่จับได้ล่าสุดนั้น คาดว่าจะมีปริมาณน้อยกว่าช่วงเวลาดังกล่าวราว 14% ส่วนที่รัฐเวอร์จิเนีย ก็มีแนวโน้มที่จะเห็นกฎระเบียบต่างๆ มากขึ้น เพื่อควบคุมการจับกุมไม่ให้มากไปกว่านี้ ในความพยายามที่จะรักษาระดับประชากรของกุ้งมังกรเอาไว้ ทั้งมีแนวโน้มว่า ชาวประมงหน้าดินในรัฐแมสซาชูเซตส์ โรดไอส์แลนด์ และคอนเนคทิคัต จะได้รับผลกระทบมากสุดจากความพยายามที่จะอนุรักษ์กุ้งมังกรดังกล่าว