Lifestyle

‘ทรัมป์’เร่งให้เกิดวิกฤติ‘โอเวอร์ซับไพรม์’ในไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ คลินิกคนรักบ้าน

 

           ผมขอฟันธงลงไปตรงนี้ว่าไม่ช้าหรือเร็วก็น่าจะเกิดสภาวะวิกฤติ “โอเวอร์ซับไพรม์” ขึ้นในบ้านเรา แต่เป็นวิกฤติที่อาจจะไม่รุนแรงแบบเปรี้ยงปร้างทีเดียวจอด แต่จะส่งผลกระทบอย่างยืดเยื้อ และสุดท้ายแล้วก็จะส่งผลถึงเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมอย่างรุนแรงหากควบคุมกันไว้ไม่ดี และในปัจจุบันคงต้องยอมรับนะครับว่าการลงทุนในภาค “อสังหาริมทรัพย์” ของบ้านเราตกอยู่ในสภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะใน “กรุงเทพฯ” และปริมณฑลที่การซื้อขายคอนโดมิเนียม ในภาพรวมของปีที่ผ่านมาได้ติดลบกว่า 24% ยอดขายคอนโดฯ 

           โดยเฉพาะระดับกลางและล่างที่สร้างเสร็จยังขายไม่ออกหรือขายออกแล้วแต่โอนไม่ได้กว่า 40-50% ทำให้ก้าวไปสู่สภาวะ “โอเวอร์ซับไพรม์” ซึ่งในปีที่แล้วมีการเปิดตัวคอนโดฯ กว่า 108,000 ยูนิต และในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัว 122,000 ยูนิต ในปัจจุบัน “อสังหาริมทรัพย์” ประเภท คอนโดฯ ที่สร้างเสร็จและรอการโอนกว่า 40,000-50,000 หน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคอนโดมิเนียมที่มีทำเลที่ตั้งเกาะอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้าที่เคยผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ดนับร้อยโครงการที่สร้างเสร็จ แต่ผู้ซื้อไม่ยอมมาโอนหรือซื้อแล้ว ผ่อนดาวน์แล้วโอนไม่ได้ เพราะกู้ไม่ผ่าน

           เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมาอภิมหาอำนาจ “สหรัฐอเมริกา” ก็ได้ประธานาธิบดีคนใหม่อย่างสมบูรณ์ คือ “โดนัลด์ ทรัมป์” (Donald Trump) ซึ่งผมเชื่อว่า “ทรัมป์” จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเร่งให้เกิดวิกฤติ “โอเวอร์ซับไพรม์” ขึ้นในบ้านเรา เหตุผลสำคัญเนื่องจาก “ทรัมป์” มีนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ในลักษณะธุรกิจการเมืองแบบ “ชาตินิยม” นั่นหมายถึงในระยะใกล้ “ทรัมป์” จะดำเนินแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ “สหรัฐอเมริกา” ขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจากการปรับปรุงฟื้นฟู “สาธารณูปโภคพื้นฐาน” (Infrastructure) ในประเทศ ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล นั้นหมายถึง การลงทุนของ “สหรัฐอเมริกา” ในภูมิภาคต่างๆ แล้วจะไหลกลับ และที่จะตามมาก็คือ จะมีการตั้งกำแพงภาษี การเพิ่มนโยบายกีดกันทางการค้า และพยายามผลักดันแรงงานต่างชาติ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ