“โค้ด”...รหัสอร่อยสายหวาน

      

 “ส้ม” จุฑามาศ บรรจงเทน้ำกะทิจากน้ำตาลโตนดลงบนบิงซูลอดช่อง

     ยังอยู่ในบรรยากาศของเทศกาลเฉลิมฉลอง จึงถือโอกาสนี้เอาใจสายหวานเป็นการเปิดศักราชแบบเน้นๆ กับร้าน CODE ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Cafe of Dessert Enthusiasts ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคาเฟ่สำหรับผู้ที่หลงใหลในขนมหวาน ความจริงร้านนี้เพิ่งเปิดให้บริการมาได้เพียงปีกว่าๆ แต่ด้วยว่าเป็นที่ถูกปากนักชิม ธุรกิจจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 5 สาขา โดยน้องใหม่ล่าสุดอยู่ที่ เดอะ แจ๊ส เออเบิร์น ศรีนครินทร์ และก่อนจะเริ่มรีวิวขนมนมเนยกว่า 300 รายการ ขอพาไปทำความรู้จักกับเจ้าของร้านคนเก่ง “ส้ม” จุฑามาศ สุขุมวิทยา เป็นทั้งผู้คิดค้นเมนูและสูตรด้วยตัวเองทั้งสิ้น สักหน่อย 

     “ส้ม” เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำร้านขนมในวันนี้ทั้งที่เรียนจบมาทางด้านกราฟฟิกดีไซน์ให้ฟังว่า เพราะมีใจรักการทำอาหารเป็นทุนเดิม หลังจากเรียนจบจากประเทศอังกฤษกลับมาทำงานที่บริษัทเอกชนได้ 2 ปี จึงตัดสินใจลาออกมา เพื่อไปสมัครเรียนทำอาหารที่โอพีทีซี ซึ่งเป็นคอร์สเรียนอาหารไทยของโอเรียนเต็ลอย่างจริงจัง ในช่วงแรกจึงฝึกปรือฝีมือด้วยการเริ่มทำขนมบราวนี่ ให้เพื่อนสนิทที่ชอบกินขนมหวานทดลองชิม ก่อนจะค่อยๆ ขยับขยายไปสู่การฝากขายหน้าร้านเพื่อนและเข้าสู่เส้นทางแม่ค้าขนมหวานผ่านช่องทางออนไลน์ 

บรรยากาศสบายๆ ภายในร้าน

     กระแสตอบรับค่อนข้างดี กระทั่งตัดสินใจเปิดเป็นร้านนั่งรับประทานอย่างทุกวันนี้ เน้นขายขนมหวานและอาหารในกลุ่มต่างๆ ได้แก่ โทสต์, ครัวซองต์, บิงซู, คากิโกริ และเครื่องดื่มร้อน-เย็นอีกหลากชนิด อาทิ กาแฟ, สมูทตี้, ชาผลไม้, นมปั่น อิตาเลียนโซดา ฯลฯ ภายใต้สัญลักษณ์สัตว์ 4 ตัว ได้แก่ กระรอก กระต่าย นก และหอยทาก ซึ่งเปรียบเสมือนกลุ่มเพื่อนที่มีความแตกต่างกัน แต่สามารถมีความสุขร่วมกันได้ผ่านการรับประทานอาหารจากทางร้าน ที่ได้รับการตกแต่งในสไตล์มินิมอลเพื่อสร้างบรรยากาศในร้านให้ทันสมัย อบอุ่น นั่งสบายไม่อึดอัด และที่พิเศษยังมีห้องรับรองสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

    สำหรับขนมหวาน เจ้าของร้านเล่าว่า ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นขนมต่างชาติ แต่หลายๆ รายการก็พยายามสอดแทรกความเป็นไทยลงไปด้วย อย่าง  "โทสต์ทูโทนไส้ชาไทยเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาและวิปปิ้งครีม” เหตุที่คิดว่าจะต้องเป็นไส้ชนิดนี้ เพราะเห็นว่าน่าจะถูกปากคนไทย เน้นไม่หวานหวือหวา ทว่าเมื่อตักใส่ปากต้องสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาไทย ส่วนตัวขนมปังเน้นความสดใหม่และกรอบนอกนุ่ม ซึ่งมีทั้งแบบธรรมดา ชาร์โคล และแบบทูโทน นอกจากจะช่วยดูดซับสารพิษออกจากร่างกายแล้ว เมื่อสีส้มของชาไทยมารวมอยู่กับสีดำของชาร์โคล ทำให้มีสีสันสดใสดูน่ากินยิ่งขึ้น...จากที่ฟังเจ้าของร้านเล่าให้ฟังกับที่ลองตักใส่ปากตัวเอง บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรเกินเลยจากคำบอกเล่า จานนี้เราชอบ!!! 

โทสต์ลาวาไส้ชาไทยเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาและวิปปิ้งครีม น่ากินมั้ย!

    อีกหนึ่งรายการทำเกิดจากการผสานไทย-ฝรั่ง “ครัวซองต์ลาวาไส้ไข่เค็ม” ลำพังแค่ครัวซองต์ที่ผ่านขั้นตอนการปรุงชนิดไม่หวงส่วนผสมก็หอมอร่อยถูกปากสาวกเบเกอรี่อยู่แล้ว แต่นี่ยังมีไส้ไข่เค็มเยิ้มๆ ซึ่งผ่านขั้นตอนการเคี่ยวตามสูตรเฉพาะจนได้รสเค็มนิดๆ มันหน่อยๆ มาคอยทำหน้าที่ชูรสให้เข้มข้นยิ่งขึ้น...ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งจานของหวานที่เซอร์ไพรส์ เพราะไม่หวานขณะเดียวกันก็ไม่เลี่ยนจนเกินไป

ครัวซองต์ลาวาไส้ไข่เค็ม

      ในส่วนของสาวกน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี ก็มี “บิงซูสัญชาติไทย” ที่ได้เสียงตอบรับอย่างดี มีชื่อว่า “บิงซูลอดช่อง” จัดมาเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง ขนุน ลูกชิด วุ้นมะพร้าว ครัมเบิ้ลใบเตย และที่สำคัญน้ำกะทิสำหรับราดท็อปปิ้งเคี่ยวจากน้ำตาลโตนดแท้ๆ ให้ความหวานหอมมันครบครันทุกรส...ยังไม่ทันลงมือตักใส่ปากแค่ถ่ายภาพกับการจัดจานแล้วเช็กอินก็ฟินแล้ว

โรตีพิซซ่า

       ถึงจะออกตัวว่าเป็นร้านขนมหวาน แต่เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เจ้าของร้านจึงเพิ่มเติมรายการอาหารคาวเอาไว้อีกนับสิบรายการ ยังคงเน้นคอนเซ็ปต์อาหารฝรั่งผสมผสานอาหารไทย และที่สำคัญต้องกินง่ายอิ่มเบาๆ แต่เอาอยู่ เช่น “โรตีพิซซ่า" ดัดแปลงจากแป้งพิซซ่าหนาหนักมาใช้แป้งโรตีเบาๆ แล้วเอาแฮม ไส้กรอก ชีส ซอสพิซซ่าสูตรเฉพาะของทางร้านโรยหน้าก่อนส่งเข้าเตาอบจนได้ที่...จานนี้มีเคล็ดลับความอร่อยอยู่หน่อยเดียวคือ ต้องรีบกินซะตั้งแต่ยังร้อนๆ เพื่อให้ได้รสสัมผัสกับความกรุบกรอบของแป้งโรตี

โรตีหมูหยอง

   นอกจากนี้ยังมี “โรตีหมูหยอง” จานนี้มีความกลมกล่อมอันเกิดจาก มายองเนส เป็นตัวทำหน้าที่ผสานน้ำพริกเผาให้เข้ากับหมูหยอง มอซซาเรลล่าชีส และแป้งโรตี เมื่อถูกส่งผ่านเข้าเตาอบให้โดนความร้อนจนหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เค็มนิด หวานหน่อย เผ็ดเล็กน้อย...ช่วยตัดความเลี่ยนของชีสได้อยู่หมัด

ครันซี่มันชี่

ชาลูกพีช

     มาว่ากันที่เครื่องดื่มบ้าง อย่างที่เล่ามาแล้วในข้างต้นว่ามีหลากหลายทั้งแบบนมและไม่นมตามความนิยมชมชอบของลูกค้า สำหรับในวันนี้ทางร้านจัดมาให้สองแบบ ได้แก่ “ครันซี่มันชี่” นมรสวานิลลา กล้วยหอม และซอสคาราเมล ปั่นรวมกัน ได้รสชาตินุ่มนวลแต่แน่นหนักแต่ไม่หวานโดด ทำให้ดูดดื่มได้เรื่อยๆ จนหมดแล้วโดยไม่รู้สึกว่าแสบคอ เช่นเดียวกับเครื่องดื่มเบาๆ อย่าง “ชาลูกพีช” ไม่หวานมาก แต่หอมกลิ่นพีชชัดเจน ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผู้ดื่มได้ดีนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากเพิ่มความอวบอ้วนให้ตัวเอง

     CODE : Cafe of Dessert Enthusiasts สาขา เดอะ แจ๊ส เออเบิร์น ศรีนครินทร์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. ถ้าจะติดต่อขอให้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันพิเศษติดต่อสอบถามได้ที่ 0-2386-7348