คัมรี เอ็กซ์ทรีโม ขับสนุก นั่งสบาย

คัมรีมีรถทำตลาดที่หลากหลายรุ่น ทั้ง ไฮบริด ทั้ง เบนซิน 2.0 และ 2.5 ซึ่ง 2.5 หลักๆ จะเป็นลูกค้าองค์กรมากกว่า ตัวขายหลักๆ ในตลาดทั่วไป คือ 2.0G แต่เพื่อจับตลาดหลากหลายมากขึ้น ยกระดับภาพลักษณ์สินค้าขึ้นมา และเติมอารมณ์สปอร์ตเข้าไป โตโยต้าจึงแตกรุ่น 2.0 เพิ่มอีกในรุ่น 2.0G Extremo ซึ่งใส่อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมเข้าไป และบางอย่างก็แตกต่างไปจากรุ่น 2.0G

เครื่องยนต์ 6AR-FSE VVT-i ขนาด 1,998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 แรงม้า ที่ 4,600 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมซีเควนเชียล ชิฟท์ เปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเอง และสามารถเปลี่ยนได้ที่พวงมาลัยกับแพดเดิลชิฟท์

167 แรงม้ากับน้ำหนักตัว 1,480 กก.ไปด้วยกันได้ดีครับ การออกตัวแม้จะไม่ดูจัดจ้านนัก แต่ก็รวดเร็ว และหลังจากนั้น การเติมความเร็วช่วงกลาง หรือว่าที่ความเร็วสูงทำได้ดี ซึ่งทำให้คิดว่าคงไม่มีความจำเป็นนักที่จะขึ้นไปใช้งานรุ่น 2.5 ถ้าอยากจะประหยัดเงินค่าตัวได้อีกพอสมควร

นอกเหนือจากเรื่องของกำลัง เรื่องของการเร่งแซง ผมชอบตรงที่ว่ารู้สึกเครื่องยนต์ตัวนี้สมดุลกับรถกับเกียร์ ได้ดีในการใช้งานจริง ทั้งเรื่องของการใช้ความเร็ว ความลื่นไหล นุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ ช่วยให้ขับได้ง่าย สบายๆ

ช่วงล่างก็ทำหน้าที่ได้ดี ได้ทั้งการยึดเกาะถนนและความนุ่มนวลซึ่งลูกค้าในตลาด D Segment น่าจะชื่นชอบ

ที่ความเร็วสูง ซึ่งผมลองเติมดูระยะสั้นๆ สัก 160-170 รถนิ่งใช้ได้ การขับขี่ในทางโค้ง ก็เกาะได้ดี ขณะที่พวงมาลัยแม่นยำทำให้ผ่านเส้นทางต่างๆ ไปได้ไม่ยาก

ซึ่่งช่วงล่างของ Extremo ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระดูอัลลิงค์สตรัท

และจุดเด่นอีกอย่าง คือ การเก็บเสียงในห้องโดยสารที่ทำได้เงียบมากแม้จะอยู่ในช่วงการขับที่ความเร็วสูงครับ

ส่วนออปชั่นต่างๆ ก็มีเต็มคันทั้งเกี่ยวกับการขับขี่ หรือความสะดวกสบาย เช่น ม่านบังแดดด้านหลังควบคุมด้วยไฟฟ้า ส่วนด้านข้างของที่นั่งด้านหลังควบคุมด้วยมือ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และที่ด้านคนขับมีตัวดันหลังซึ่งปรับด้วยไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา ระบบพุชสตาร์ท ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบสมาร์ทเอ็นทรี พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน มาตรวัดเรืองแสงมองเห็นข้อมูลต่างๆ ได้ชัดเจน และก็มีระบบชาร์จไฟแบบไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

สำหรับ 2.0G Extremo จุดที่แตกต่างไปจาก 2.0G หลักๆ ของก็คือ การเติมอารมณ์หรู อารมณ์สปอร์ตเข้าไป ด้วยชุดแต่งรอบคัน ซึ่งหากเทียบกับรุ่นพื้นฐาน คือ 2.0G สิ่งที่ Extremo มีมากกว่าเช่น ท่อไอเสียคู่ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมปุ่มรับ-วาง ที่พวงมาลัย ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย หรือแพดเดิลชิฟท์ กล้องมองภาพขณะถอยหลัง เครื่องเล่นดีวีดี 1 แผ่น แบบหน้าจอสัมผัส ระบบนำทาง รองรับบริการ ที-คอนเนคท์ และลำโพง เจบีแอล 12 ดอก ช่องต่ออุปกรณ์ วีทีอาร์

ส่วนสิ่งที่แตกต่างกัน เช่น ล้อและยาง ที่ใช้ขนาด 215/55 R17 ส่วน 2.0G ขนาด 215/60 R16 สีภายในเป็นสีดำ และมีลายไม้แบบเฉพาะของ Extremo เบาะหนังและวัสดุสังเคราะห์ที่เพิ่มเติมตะเข็บแดง ไฟท้าย รมดำ เป็นต้น

Extremo ยังมีชุดแต่งพิเศษที่ต้องจ่ายเพิ่ม 3.6 หมื่นบาท จากราคาพื้นฐาน 1.48 ล้านบาท ก็คือ สเกิร์ตกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตด้านข้าง สปอยเลอร์หลัง สัญลักษณ์ Extremo ด้านท้ายรถ และด้านข้างทั้งซ้ายและขวา พรม Extremo และไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้าแบบแอลอีดี เอาไว้อำนวยความสะดวกเมื่อจอดรถ เปิดประตู ก็จะช่วยส่องสว่างตรงทางขึ้นลง พร้อมกับเพิ่มลูกเล่นด้วยไฟที่ส่องเป็นตัวหนังสือ Extremo

ระบบช่วยเหลือการขับขี่เช่นระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

ระบบความปลอดภัยมีถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง และหัวเข่าผู้ขับขี่ รวมถึงม่านถุงลมด้านข้าง

โดยรวมๆ แล้วในการขับขี่ รถให้ความรู้สึกสบายๆ ขับง่าย ชัดเจนกว่าอารมณ์สปอร์ต

ยิ่งเมื่อรวมกับเรื่องอื่นๆ ทั้งความกว้างขวางของห้องโดยสาร และการออกแบบเบาะนั่งที่ทั้งขนาด วัสดุ รูปทรง รวมถึงมุมเอียงที่เบาะด้านหลัง ออกแบบมาได้ดีมาก นั่งใกล้นั่งไกลไม่เมื่่อย