Lifestyle

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’ : คอลัมน์ ชวนเที่ยว เรื่อง / ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์


          กราบสวัสดีปีใหม่แฟนคอลัมน์ “ชวนเที่ยว” และ “หนังสือพิมพ์คมชัดลึก” ทุกๆ ท่าน ยังพักผ่อนกันอยู่ใช่มั้ยคะ ขอให้เป็นวันหยุดที่สุข สนุกสนาน ไม่ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน เยี่ยมญาติพี่น้องก็พบแต่ความสุข เดินทางกันปลอดภัยนะคะ

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          ชวนเที่ยววันต้นปีขออินเทรนด์กับไอหนาว ที่หลายๆ คนกำลังไปสัมผัสอยู่สักหน่อย จะได้กักเก็บความรู้สึกหนาวเย็นไว้ใช้ยามฤดูร้อนมาเยือน ซึ่งก็คาดว่ามาเร็วราวกับติดจรวด

          หลายๆ สถานที่ยอดฮิตรับลมหนาว คงจะเต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่ายอดดอยทางภาคเหนือ หรือยอดภูในภาคอีสาน ประมาณว่า ถึงขั้นรถติดได้ ฉันเลยเลือกที่จะไปไม่เหนือสุด แล้วก็ไม่ได้หนาวสุด แต่ทะเลหมอกแน่นสุดๆ ไม่แพ้ที่ไหน นั่นก็คือที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ซึ่งตั้งชื่อตามแม่น้ำเมย ซึ่งกั้นชายแดนไทย-พม่า เป็นเขตด้านทิศตะวันตกของอุทยานฯ ยาวเกือบ 50 กิโลเมตรจากเหนือจรดใต้

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าตะวันตก ใน ต.แม่อุสุ และ ต.แม่สอง ป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าสองยางบางส่วน เป็นแนวเทือกเขาถนนธงชัย ซึ่งดินแดนแถบนี้ยังอุดมสมบูรณ์ และชุ่มชื้นด้วยผืนป่า ทะเลหมอกแถบนี้จึงหนาแน่นนุ่ม โดยเฉพาะช่วงอุณหภูมิราวๆ 16-20 องศา แต่ถ้าหนาวจัดก็จะไม่มีทะเลหมอก

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          ที่ว่าคนไปเที่ยว อช.แม่เมยไม่หนาแน่นเท่าดอยสูงที่เชียงใหม่ ก็อาจจะเพราะการเดินทางเข้าถึงที่ตั้งของอุทยานฯ ไม่มีรถโดยสารประจำทางผ่าน โดยรถจะผ่านแค่ปากทางเข้าไปอุทยานฯ ฉะนั้นคนที่จะเข้าไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย จำเป็นต้องมีรถส่วนตัวไป หรือไม่ก็ต้องโบกรถชาวบ้านที่ขึ้น-ลงดอย เหมือนฉันที่ขาไป เดินทางไปกับเพื่อนๆ แต่ขากลับ กลับคนเดียว เลยต้องโบกรถชาวบ้านที่ลงดอยไปต่อรถสองแถวที่ทางแยกถนนสายแม่สะเรียง-แม่สอด บอกเลยว่า เป็นประสบการณ์ที่สนุกไปอีกแบบ เพราะขึ้นสองแถวไปลงที่ตลาดแม่ต้าน แล้วต่อรถสองแถวแม่ต้าน-แม่สอด ตลอดระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมงบนรถสองแถวนี้ ราวกับอยู่บนรถสองแถวเออีซี เพราะแทบไม่มีคนพูดภาษาไทยกันเลย ชาวบ้านหอบลูก จูงหลานขึ้นสองแถวกันแบบสบายๆ ไม่เดือดร้อน ถ้ารถเต็มเด็กๆ ก็ลงนั่งกับพื้น ไม่ต้องยืนโหนให้เมื่อย แบบไม่ต้องมีกระเป๋ารถมาคอยตะโกนชิดใน หรือให้นั่งเบียดๆ กันหน่อย ...ดีมั้ยล่ะ

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          นึกถึงตอนที่ฉันบอกเพื่อนว่า จะไปเที่ยวที่ “เลอกวาเดาะ” หลายคนถามว่ามันอยู่ส่วนไหนของไทย 5555 สองแถวยังเป็น AEC เลย ชื่อดอยแถวชายแดนจ.ตาก จะชื่อแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร เพราะคนแถวนี้ส่วนหนึ่งเป็นกะเหรี่ยง นี่ยังไม่นับที่อพยพสมัยหนีภัยสงครามมาจากพม่า ที่มาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านแม่หละ ทั้งชื่อดอย ชื่อหมู่บ้านจึงมักเป็นชื่อกะเหรี่ยง

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          “เลอกวาเดาะ” เป็นภาษาปกาเกอะญอ แปลว่า “เขาชมวิว” ด้วยยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกนี้ พื้นที่ไม่มากนัก เป็นที่ตั้งของเจดีย์ และยังเป็นจุดชมวิวได้ 360 องศาอีกด้วย

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          และนี่เป็นครั้งที่สอง ที่ไปเยือนเลอกวาเดาะ หลังจากที่เคยไปมาเมื่อ 4 ปีก่อน ด้วยเพราะเมื่อคราวไปเดินดูทะเลหมอกที่ม่อนทูเลซึ่งกำลังขึ้นหม้อ เอ้ย ขึ้นชื่อของ ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยางแล้วเห็นว่า มีเทือกเขาสวยๆ น่าเดินเล่นอยู่ในแนวเดียวกัน เป็นทิวที่แทบจะเชื่อมถึงกันได้ แผนที่ก็บอกแบบนั้น เพื่อนขาลุย “ทารุณทัวร์” (เส้นทางเดินเลยไม่ธรรมดา) เลยวาดแผนพากันมาเดินสำรวจกันอีกสักรอบ รวมทั้งเป็นจังหวะดีๆ ถือโอกาสนำข้าวของไปแจกเด็กๆ ในโรงเรียนเล็กๆ ที่บ้านเกร๊ะคี หมู่บ้านกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ ซึ่งเป็นต้นทางขึ้นยอดเลอกวาเดาะ และ โรงเรียนวะยะโจ ที่เข้าไปอยู่ซะลึกสุดกู่แบบนั้นด้วยไปในตัว

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’



          ทางผ่านของเราจะไปบ้านเกร๊ะคีได้ ก็ต้องขึ้นไปทางอุทยานแห่งชาติแม่เมย ตามเส้นทางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1267 (แม่สลิด-อมก๋อย) เลยที่ทำการขึ้นไปบ้านแม่ระเมิง ผ่านจุดชมวิวทะเลหมอกแน่นๆ ที่ขึ้นชื่อของ อช.แม่เมย อย่างม่อนครูบาไส ม่อนพูนสุดา และม่อนกิ่วลม (ไม่ใกล้นะ ห่างจากที่ทำการร่วมๆ 14 กม.) เลยม่อนกิ่วลมไปอีกก่อนถึงบ้านแม่ระเมิง 3 กม. จะมีทางแยกเพื่อไป บ้านเกร๊ะคี เดี๋ยวนี้ถนนหนทางทำดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ขนาดว่า รถขับสองแรงดีๆ หน่อยก็ไปได้สบายแล้ว (ยกเว้นหน้าฝนนะ)

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          นัดหมายคนนำทาง “พี่พรศักดิ์” ที่ โรงเรียนบ้านเกร๊ะคี ซึ่งพี่เขาบอกว่าเคยไปถึงยอดเจดีย์ แต่ไม่เคยค้าง ก็เขาลูกนี้เป็นเหมือนเขาหลังบ้าน แถมช่วงมีงานบุญ คนต่างถิ่นเดินทางมาทำบุญด้วยศรัทธาในหลวงพ่อปรีดา เจ้าอาวาส วัดป่าเกร๊ะคี ก็มักจะขึ้นไปกราบไหว้ที่เจดีย์บนยอดเขา ซึ่งเจดีย์นี้ ก็มาจากว่า หลวงพ่อได้รับพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุมาจากสมเด็จพระสังฆราช แต่ยังไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน ก็ขึ้นไปภาวนาบนเขา และได้นิมิตถึงจุดที่จะประดิษฐาน ก็เลยก่อเป็นเจดีย์เพื่อบรรจุไว้

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          เชื่อมั้ยว่า อยู่ไกลขนาดนี้ ลึกขนาดนี้ ญาติโยมที่มานั่นส่วนใหญ่ตามมาจากนครปฐมบ้าง ราชบุรีบ้าง บางคนมาตั้งรกรากอยู่แถวๆ บ้านแม่ระเมิงก็มี พระภิกษุที่มาบวชจำพรรษาที่วัด มาจากนครปฐมก็มี
     
          กว่า 3 ชั่วโมง ของการแบกเป้เดิน ก็ผ่านช่วงชันๆ ถึงเนินเกือบสุดท้าย นั่งพักเอาแรง ชมวิวหมู่บ้านที่เห็นลิบๆ กับยอดเขาเจดีย์ที่ปรากฏให้เห็น จากตรงนี้ไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ถึงจุดตั้งแคมป์ เดี๋ยวนี้มีศาลา และลานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          เย็นนี้เลยได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศที่ห่างไกลผู้คนกับเทือกเขาสวยๆ ที่อยู่ต่อไปจากยอดเจดีย์ เป็นเป้าหมายของวันถัดไป แต่ค่ำนี้ และเช้าวันพรุ่ง ขอดื่มด่ำกับทะเลหมอกให้ชื่นใจซะหน่อย

          จนสาย...ได้เวลาไปสำรวจยอดต่อจากยอดเจดีย์ แต่แค่ยอดเจดีย์ก็แทบแย่ เพราะชันและชันมาก แถวเขาลูกที่เชื่อมไปยังยอดเจดีย์ก็แทบจะเป็นสันคมมีด ที่ต้องค่อยๆ เลาะไป เพราะขวาก็เหว ซ้ายก็เหว แต่ยังดีที่ทะเลหมอกยังไม่สลายเลยไม่ได้ดูน่าหวาดเสียวจนเกินไป ระหว่างเดินผ่านสันคมมีด เจ้ากวางผาปรากฏตัวโลดแล่นข้างหน้าผาให้หยุดดูกัน

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’

 

          พี่พรศักดิ์เล่าว่า ใช้เวลาก่อสร้างเจดีย์อยู่นาน เพราะต้องขนทุกอย่างเดินเท้าขึ้นไป แต่พอสร้างพระเสร็จ สร้างเจดีย์เสร็จ ตอนนี้กลายเป็นเขตอภัยทาน มีทั้งกวางผา เจ้าของฉายาม้าเทวดา และเลียงผา เข้ามาอาศัยอยู่แถวเชิงเขายอดเจดีย์

          พ้นช่วงตื่นเต้นจากกวางผา ก็ถึงจุดที่ต้องไต่ขึ้นยอดเจดีย์ที่มีแต่ความชัน แต่พอถึงด้านบน ก็แทบร้องว้าวดังๆ งามจริงๆ เห็นทะเลหมอกรอบทิศ นี่เองถึงได้ชื่อ เขาชมวิว ยอดนี้เป็นยอดแม่ ส่วนยอดถัดไป เป็นเป้าหมายที่ผองเพื่อนอยากไปเยือน ชื่อ เลอกวาเดาะกวา (ยอดพ่อ) เป็นสองยอดเขาคู่กัน แต่ยอดพ่อจะห้ามผู้หญิงขึ้น เลยปล่อยผู้ชายเขาไปสำรวจกัน เพราะถ้าผ่านยอดพ่อไปได้ ก็จะถึงยอดเด๊ะโด๊ะจือ เลยไปอีกยอดหนึ่งก็คือ ม่อนทูเล นั่นเอง แต่ไม่เป็นไร ได้มาชมวิวเดินล้านแค่นี้ก็ดีใจแล้ว
     

 

ปีใหม่นี้ มีรักษ์ที่ ‘เลอกวาเดาะ’


          และน่าดีใจขึ้นไปอีก เมื่อศรัทธาเหนือขุนเขาในป่าสงวนรอยต่อของอำเภอท่าสองยางและอำเภอแม่วะแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งอนุรักษ์สัตว์น้อยใหญ่ ให้โลดแล่นในธรรมชาติได้อย่างเสรีตลอดไป

          การเดินทาง
          รถส่วนบุคคล : จากจังหวัดตาก มาอำเภอแม่สอด และอำเภอท่าสองยาง รวม ประมาณ164 กิโลเมตร จากอำเภอท่าสองยางใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 (แม่สอด - แม่สะเรียง) ระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร ถึงทางแยกแม่สลิดหลวง เลี้ยวขวาตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1267 (แม่สลิด-อมก๋อย) ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างชัน ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย
 
          รถสองแถว : สายแม่สอด-แม่สะเรียง ลงหน้าปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย (แยกแม่สลิดหลวง) แล้วที่เหลือคือ โบกรถชาวบ้านหรือรถนักท่องเที่ยว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ