Lifestyle

‘พรปีใหม่’จาก‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ คลินิกคนรักบ้าน กับ ดร.ภัทรพล

 

         ในช่วงส่งท้าย “ปีเก่า” ต้อนรับ “ปีใหม่” อีกไม่นานจะได้ฟังเพลง “พรปีใหม่” ซึ่งเพลงนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านคงไม่รู้ว่าเป็น “เพลงพระราชนิพนธ์” ที่ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรง “พระราชนิพนธ์” ขึ้น (เป็นอันดับที่ 13 เมื่อปี พ.ศ. 2495) เพื่อพระราชทานแด่พสกนิกรของพระองค์ ในช่วงแห่งการเฉลิมฉลองศักราชใหม่ จะว่าไปแล้วในช่วงส่งท้ายปีนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งฟังเพลงพระราชนิพนธ์เงียบๆ เพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผมได้ลงมือทำมาตลอดทั้งปี เพราะสำหรับคนในวัยขึ้นเลข 5 อย่างผม การไปร่วมงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สลักสำคัญกันสักเท่าไหร่นัก นอกจากการไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดใกล้บ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลครับ

         “ปีใหม่” ที่กำลังจะมาถึงนี้นอกจากเพลง “พรปีใหม่” แล้ว ก็คงไม่มี “การ์ดอวยพรปีใหม่” จาก “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่ทุกปีพระองค์ท่านจะมี “การ์ดอวยพรปีใหม่” พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งในแต่ละปีทำให้ผมรู้สึกสุข สดชื่นในช่วงเวลาที่กำลังจะย่างเข้าสู่ “ปีใหม่” ผมยังเก็บการ์ดอวยพรที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย เอาไปใส่กรอบไว้แทบทุกปี ถือว่าเป็นสิริมงคลสูงสุดสำหรับการส่งท้าย “ปีเก่า” เพื่อเริ่มต้น “ปีใหม่” ที่ดี มีโชคชัยและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บครับ ทำให้ผมรู้สึกว่าการเริ่มต้นของการเข้าสู่ช่วงปีใหม่ในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะขาดอะไรที่สำคัญไปครับ

         จะว่าไปแล้ว คนไทยทุกๆ คนรวมทั้งตัวผมนับว่าโชคดีมีบุญมากครับ เพราะได้มีโอกาสเกิดมาใน “รัชสมัย” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์อันประเสริฐที่สุด ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุด สำหรับผมพอเกิดมาลืมตาดูโลก พอรับรู้ความได้ ก็ได้เห็นรูปของพระองค์ท่านในทุกที่ ดังคำกล่าวที่ว่ารูปของพระองค์ท่านนั้นเป็น “รูปที่มีทุกบ้าน” และที่น่าทึ่งคือ คนไทยได้ยอมรับพระองค์ท่านเปรียบเสมือน “พ่อ” หรือ “พ่อหลวง” และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ พระองค์ท่านก็ทรงรับคนไทยเข้ามาเป็นสมาชิกร่วมสุขร่วมทุกข์อยู่ในครอบครัว เสมือนกับว่าเป็น “ลูก” ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงทำหน้าที่ของ “พ่อหลวง” ที่ต้องดูแลสารทุกข์สุขดิบของ “ลูก” โดยไม่ขาดตกบกพร่อง จึงเป็นการทรงงานที่หนัก ดังปฐมบรมราชโองการในปี พ.ศ.2489 ที่ทรงเถลิงถวัลย์ราชสมบัติและทรงรับสั่งว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” โดย “มหาชนชาวสยาม” ก็เปรียบเสมือน “ลูก”ของพระองค์ท่าน ด้วยความสัมพันธ์พิเศษที่สุดและงดงามที่สุดของ “พระมหากษัตริย์” กับ “พสกนิกร” 

         ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงเป็น “พ่อหลวง” พร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างที่พระองค์มี ทรงทุ่มเทพระวรกายทุกเวลา ทุกนาที ที่พระองค์มีให้กับ “ลูก” จึงเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษและมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งครับ จะหาความสัมพันธ์ระหว่าง “พระมหากษัตริย์” กับ “ประชาชน” ที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ มีอยู่ที่เดียวในโลกนี้คือ “ประเทศไทย” ครับ เมื่อพระองค์ท่านรักประชาชนขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่ประชาชนก็ถวายความจงรักภักดีกับพระองค์ท่านสุดหัวใจถึงขนาดยอม “พลีกายถวายชีวิต” ได้โดยไม่คิดเช่นกัน

         ความสัมพันธ์มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ได้กลายเป็น “แกนหลัก” ที่สำคัญที่ทำให้สังคมไทยสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เพราะเรามี “แกนหลัก” ที่เป็นเหมือน “ศูนย์รวมจิตใจ” เปรียบเหมือนต้นไม้ ถึงแม้ต้องสายลม พายุฝน ที่พัดโหมกระหน่ำกิ่งบางกิ่ง บางครั้งที่ต้านทานไม่ไหวจะหักไปบ้าง แต่เพราะมี “แกน” ที่เป็นเสมือน “รากแก้ว” ที่เข้มแข็ง เราก็สามารถผ่านไปได้ทุกครั้ง

         ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปของสังคมไทยที่น่าสนใจและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งครับ คนไทย “รู้รักษ์สามัคคี” กันมากขึ้น รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะจิตใจคนไทยทั่วประเทศนับล้านดวงมุ่งพุ่งตรงไปที่พระองค์ท่าน ถึงแม้จะทรงเสด็จสู่ “สวรรคาลัย” แล้ว จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งในสังคมลดลงไปมาก คนไทยดูจะรักกันและให้อภัยกันมากขึ้น นอกจากนี้ คนไทยยังได้มีโอกาสเรียนรู้พระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ท่านมากยิ่งขึ้น จาก “โครงการพระราชดำริ” กว่า 4,000 โครงการ ซึ่งกล้าพูดได้เต็มปากว่า คนทุกคนในผืนดินของพระองค์ล้วนแล้วแต่ได้รับ “อานิสงส์” ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมจากโครงการพระราชดำริน้อยใหญ่นี้กันแบบทุกคน

         สำหรับของขวัญ “ปีใหม่” ที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ ผมได้อัญเชิญ “มงคลสูงสุด” คือ “ส.ค.ส. พระราชทาน” ของปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็น “ส.ค.ส.พระราชทาน” ชิ้นสุดท้าย แต่ก็ยังคงความสวัสดีมีชัย มาอำนวยอวยพรให้แก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมคงไม่มีอะไรตอบแทนให้แก่พระองค์ท่าน นอกจากจะขอเป็น “ลูก” ที่ดีทำ “หน้าที่ทางจริยธรรม” ให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงกลไกเล็กๆ ในสังคม ก็ขอมุ่งมั่น ทุ่มเททำความดีถวายเป็น “พระราชกุศล” รวมทั้งตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเผยแพร่แนวคิดของ “พ่อหลวงรัชกาลที่ 9” ในทุกครั้งทุกที่ที่มีโอกาส ให้ทั้งแผ่นดินเต็มไปด้วยความ “รักของพ่อหลวง” ที่กระจายออกไปทั่วทั้งผืนดิน, ผืนน้ำและทั่วฟ้าครับ

         สารภาพตามตรงครับว่าผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึง “พ่อหลวง” และมีความมุ่งมั่นที่อยากทำให้ “พ่อหลวง” เป็น “อมตะ” อยู่ในจิตใจของคนไทยตราบชั่วนิจนิรันดร์ ความคิดที่จะทำความดีถวายเป็น “พระราชกุศล” แด่ “พ่อหลวง” เช่นนี้ก็เป็นการส่งท้าย “ปีเก่า” ต้อนรับ “ปีใหม่” พ.ศ.2560 ที่ดีเป็นอย่างยิ่งครับ ถึงแม้ปีนี้จะไม่มี “ส.ค.ส.พระราชทาน” จากพระองค์ แต่อย่างน้อยก็ได้มี “ส.ค.ส.พระราชทาน” จาก “พ่อหลวง” ของปีที่แล้วที่เป็นทั้ง “ขวัญ” และ “กำลังใจ” รวมทั้งเป็น “หลักชัย” ในการก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงในอนาคตครับ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ