แรง นุ่ม นั่งสบาย
คัมรี เจเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ถือว่าเป็นรถสำคัญอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า ในการชิงตลาดเก๋งขนาดกลาง ที่มีความท้าทายมากมายจากคู่แข่งโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า แอคคอร์ด นิสสัน เทียน่า และคู่แข่งอ้อมๆ ก็คือ รถยุโรปที่กดราคาลงมาอยู่ระดับล้านปลายๆ ถึง 2 ล้านต้นๆ
คัมรี ทำตลาดทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.5 ลิตร และไฮบริด ซึ่งช่วงต้นเดือนที่แล้วปรับปรุงรายละเอียด รวมถึงเพิ่มเติมอุปกรณ์บางอย่าง เพื่อเพิ่มความสดใหม่ และมุมมองใหม่ๆ เช่น กระจังหน้าสีดำ ขณะที่ภายในก็เติมความหรูกับเกียร์หุ้มหนัง ทั้งหัวเกียร์ ฐานเกียร์ มีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะฝั่งผู้ขับและกระจกข้าง ระบบปรับน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบวัดแรงดันลมยาง กระจกมองข้างปรับลงอัตโนมัติขณะถอยหลัง ซึ่งระบบนี้หากใครไม่ชอบ สามารถปิดการทำงานได้ง่ายๆ แค่เลือกตำแหน่งสวิทช์ควบคุมตัวปรับกระจกให้ซ้ายหรือขวาก็ได้ อย่าเอาไว้ตรงกลาง
การปรับเปลี่ยนของคัมรี ยังรวมถึงการเพิ่มสีใหม่ คือ ขาวมุกในรุ่น 2.5G สีแดงในรุ่น เอสปอร์ต รวมถึงเพิ่มรุ่น 2.0 จี เอ็กซ์ทรีโม
ในด้านการตลาดยอดขายหลักๆ ของ คัมรี มาจากรุ่น 2.0 ส่วน 2.5 ส่วนใหญ่เป็นตลาดลูกค้าองค์กร ดังนั้นโตโยต้าจึงพยายามที่จะผลักดันให้ 2.5 เข้าถึงลูกค้าทั่วไปมากขึ้น
2.5G ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ความจุ 2,494 ซีซี 181 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตันเมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที ใช้เชื้อเพลิงได้ถึงอี 20
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซีเควนเชียลชิฟท์ หรือการเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเองทุกเกียร์ ไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่จะมีให้เลือกเป็น 3, 2 และ L
คัมรี 2.5G ให้อุปกรณ์มาตรฐานมาไม่น้อย นอกเหนือจากที่พูดถึงไปช่วงต้นๆ ก็ยังมีอีกหลายอย่างช่น ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย แค่วางไว้ตรงที่วางใกล้ๆ กับเกียร์สำหรับแอนดรอยด์ ถ้าเป็นไอโฟนมีอุปกรณ์เสริมเล็กน้อย ให้เสียงที่ตำแหน่งชาร์จก่อนวาง
เครื่องเสียง ดีวีดี เจบีแอล ให้ลำโพงมา 12 ดอก มีม่านบังแดดไฟฟ้าด้านหลัง และม่านด้านข้างสำหรับหน้าต่างคู่หลัง ระบบครูสคอนโทรล ถุงลม 7 ตำแหน่ง
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เซ็นเซอร์รอบคัน รวม 6 จุด รวมถึงระบบเตือนเมื่อถอยหลังที่จะตรวจจับวัตถุที่เข้ามาในระยะอันตราย แต่คนขับไม่เห็นทั้งด้วยสายตา หรือมุมของกล้องมองหลัง เมื่อจะถอยรถออกจากซอง กรณีที่จอดแบบเอาด้านหน้าเข้า ซึ่งก็ช่วยให้สะดวก และปลอดภัยขึ้นครับ
ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่เพื่อความปลอดภัย ก็มีทั้งเอบีเอส, ระบบกระจายแรงเบรก, ระบบเสริมแรงเบรก, ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น
การขับขี่นั้น เกียร์ทำงานได้ดี จังหวะเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล ช่วงกดคันเร่งหนัก เช่น คิกดาวน์ มีจังหวะหน่วงเล็กน้อยให้พอรู้สึกได้ แต่ไม่มีปัญหากับการแซง ยังไว้ใจได้ ไม่ต้องลุ้น
เครื่องยนต์เองก็ทำหน้าที่ได้ดี กำลังมีเพียงพอ ช่วยให้ขับสนุก แกล้งทำเผลอๆ เข็มไมล์ตวัดไปที่ 160-170 กม./ชม. ง่ายๆ จนเมื่อเหลือบตาลงมองหน้าปัดจึงค่อยลดน้ำหนักเท้าลง ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ช่วยให้ขับได้ลื่นไหล ไม่ต้องออกแรงเค้นก็ไปได้สบายๆ
ตรงนี้ต้องให้เครดิตกับช่วงล่างด้วยครับ ถือว่าเซตออกมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว เพราะการที่ไต่ความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ ก็เพราะช่วงล่างไม่งอแง การยึดเกาะถนนทำได้ดี ช่วยให้รถมีการทรงตัวทีดี รวมถึงช่วงที่ต้องเปลี่ยนเลนไปมาบ่อยๆ ด้วยความเร็วพอควร ตั้งแต่ต้นทาง คือ บางนา-ตราด ทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ พระราม 2 ไปจนถึงปลายหัวหิน เนื่องจากสิ่งที่ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่ และคงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน เพราะไม่มีใครส่งสัญญาณว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ ก็คือ จะขับความเร็วเท่าไรก็ได้ และอยู่เลนไหนก็ได้ นี่แหละครับ คนไทยหลายๆ คน
จุดเด่นอีกอย่างก็คือ ความนุ่มนวล ช่วงล่างตัวนี้ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ทั้งการขับขี่บนถนนจริง หรือการลองขับบนเส้นทางจำลองแบบขรุขระที่ศูนย์ทดสอบรถยนต์โตโยต้า ซึ่งช่วงล่างหน้าเป็นแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังอิิสระดูอัลลิงค์สตรัท ส่วนยางใช้ขนาด 215/55 R17
พวงมาลัยน้ำหนักใช้ได้ ไม่เบาเกินไป และก็ไม่หนักเกินไป สำหรับลูกค้าในตลาดนี้ที่เชื่อว่าต้องการอารมณ์สบายๆ มากกว่า ความแม่นยำถ้าเติมอีกนิดจะดีมาก จะช่วยให้ขับขี่ในทางโค้งที่ความเร็วค่อนข้างสูงสักหน่อยได้สนุกขึ้น การเก็บเสียงลมปะทะ ทำได้ดี ไม่ค่อยมีเสียงเข้ามา แต่เสียงจากยางกับพื้นถนนยังมีเข้ามาที่ความเร็วสูง
โดยรวมแล้ว 2.5G เป็นรถที่น่าใช้งาน นั่งสบาย รวมถึงเบาะหลังด้วยที่ออกแบบมาได้ดีทั้งความนุ่ม องศาพนักพิง และส่วนรองต้นขา ทำให้การนั่งระยะทางไกลไม่เมื่อย เครื่องยนต์ดี การขับขี่โดยรวมก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถ้าใครชื่นชอบโตโยต้าอยู่แล้ว ก็เชื่อว่าไม่ผิดหวังสำหรับคันนี้ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง