เที่ยวฟาร์มโคนม : อาชีพ ธ ทรงสร้าง เรื่อง / ภาพ... นพพร วิจิตร์วงษ์
"เอ้า นมวัว...เอาไปต้มก่อนนะ" เสียงพี่ชายเพื่อนบอกพร้อมกับยื่นหม้อเล็กๆ มาให้พวกเรา ในเช้าวันหนึ่งที่พวกเราไปเที่ยวที่บ้านของพี่ชายเพื่อน ในไร่น้อยหน่า ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ข้างๆ บ้านพักเป็นคอกวัว ที่เลี้ยงวัวนมไว้สิบกว่าตัว
"ทำไมต้องต้มล่ะ" คำถามผุดขึ้นมาอีก
“ต้มฆ่าเชื้อสิ เนี่ยเพิ่งรีดนมมาสดๆ เลยนะ”
“ต้องรีดทุกเช้าเลยเหรอคะ”
“ใช่ มีอยู่แค่สิบกว่าตัวนี่แหละ รีดทุกเช้า ใส่ถังไปตั้งที่ท้ายไร่ เดี๋ยวมีรถ อ.ส.ค.มาเก็บ”
คงเป็นครั้งที่ได้เข้าใกล้ความเป็น อ.ส.ค. ที่ผลิตนมวัวแดงมากขึ้น หลังจากที่สมัยเด็กๆ แม่จะชอบซื้อนมกล่องที่มีกล่องรูปร่างไม่เหมือนใคร ข้างกล้องเป็นรูปวัวแดง จนเรียกกันติดปากในหมู่เด็กๆ รุ่นเรา หรือจะเรียกให้ถูกต้อง คือ นมโคไทย-เดนมาร์ค
เวลาผ่านไป จนพอจะรู้จักความเป็น อ.ส.ค.ว่า หมายถึง “องค์กรส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย” แล้วยังเคยไปนอนเล่นบ้านพี่ที่รู้จักอยู่ทางลัดขึ้นเขาใหญ่ ทางฝั่งมวกเหล็ก ที่นี่มีคอกวัวเช่นกัน ทุกเช้าจะรีดนมใส่ถังไปตั้งไว้ที่ปากทางเข้าไร่ ถามไถ่ได้คำตอบว่า มีเวลากำหนด อีกสักพักจะมีรถ อ.ส.ค.มาเก็บไป ถ้าใครอยู่ใกล้ๆ จะขี่มอเตอร์ไซค์เอาไปส่งก็ได้
นมวัวแดงที่ฉันรู้จัก มีที่มาส่วนหนึ่งแบบนี้เอง... จากเกษตรกรชาวไร่
แล้วก็มีโอกาสไปทำความรู้จักจริงๆ จังๆ กับ อ.ส.ค. โธ่เอ๊ย...เขาเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้วิถีเกษตร ฉันไปอยู่ไหนมาเนี่ย!! แล้วยังมีจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก อ.ส.ค. ที่เริ่มหายไปจากท้องตลาดเมื่อมีสินค้าประเภทเดียวกันออกมาทำตลาดมากขึ้น นมโคจากฟาร์ม อ.ส.ค. เลยเขยิบออกมาวางจำหน่ายอยู่ไม่กี่ที่ เท่าที่รู้ก็มีที่ อ.ส.ค., ร้านค้าใกล้เคียง รวมถึงตลาด อ.ต.ก.ในกรุงเทพฯ ...ระยะตลาดเล็กลง
อ้อ...นมไทย-เดนมาร์คเขาผลิตโดย อ.ส.ค. ไม่ใช่ บริษัท นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด ที่ถูกศาลสั่งล้มละลายไปเมื่อปี 2553 นะคะ ส่วนหน้าตาของผลิตภัณฑ์นมวัวแดงที่เห็นชินตาในรูปของนมกล่องก็ยังมี ขณะที่นมพาสเจอร์ไรซ์ในถุงพลาสติกสามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ เปลี่ยนโฉมไปเป็นถุงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
กว่า 50 ปี ที่นมโคไทย-เดนมาร์ค จากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เริ่มก่อกำเนิดขึ้นในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลเดนมาร์กกับรัฐบาลไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก ทรงประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์คอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505
ความสำคัญไม่ได้อยู่เพียงแค่ ในหลวง ร.9 เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดเท่านั้น แต่อยู่ที่ในหลวงเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี พ.ศ.2503 พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถ หนึ่งในประเทศที่เสด็จฯ เยือนนั้นคือประเทศเดนมาร์ก ซึ่งพระองค์สนพระราชหฤทัยในกิจการการเลี้ยงโคนมของเดนมาร์ก ทรงเล็งเห็นคุณค่าทางโภชนาการ การบริโภคนม การสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รัฐบาลเดนมาร์กจึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม และตกลงทำสัญญาให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและเศรษฐกิจไทย-เดนมาร์ก และไปสู่การก่อตั้งเป็น อ.ส.ค.อย่างที่บอกขึ้นต้น
กระทั่งในปี พ.ศ.2514 รัฐบาลเดนมาร์กได้โอนกิจการให้รัฐบาลไทย จึงได้ตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ชื่อ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผลิตภัณฑ์นมภายใต้เครื่องหมายการค้านมตรา ไทย-เดนมาร์ค และนมวัวแดง และรัฐบาลยังกำหนดให้วันที่ 17 มกราคมของทุกปี เป็น วันโคนมแห่งชาติ
ปัจจุบัน อ.ส.ค.ปรับปรุงสถานที่จัดเป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพิ่มจากการเป็นแหล่งผลิตนมโค และแหล่งศึกษาเรียนรู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน ทั้งได้ความรู้ ความสนุกสนานและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์
การท่องเที่ยวแบบนี้ เหมือนเด็กๆ จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ รถรางนำเที่ยว ขนาดใหญ่ แล่นไปตามถนนในบริเวณของ อ.ค.ส. ผ่านจุดต่างๆ ตั้งแต่จุดเรียนรู้เกี่ยวกับการเกิดซากฟอสซิลหอยยุคดึกดำบรรพ์ ที่เด็กๆ จะได้ลงไปดูของจริง ได้เรียนรู้การทำปุ๋ยน้ำนม ไปจนถึงแลนมาร์คของพื้นที่ คือ อาคารไม้แห่งแรกของ อ.ส.ค. ก็ยังคงรักษาสภาพไว้ตามเดิม กับป้ายอาคารและตัวเลขขนาดใหญ่ 1962 อันหมายถึงปี ค.ศ.1962 ที่ก่อตั้ง ด้านใต้อาคารใช้เลี้ยงโคนม เพาะพันธ์ุโคนม รวมถึงส่วนแสดงการรีดนมวัว ภายในตัวอาคารปรับเปลี่ยนเป็นห้องประชุม และห้องฉายวีดิทัศน์แสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ จนนำไปสู่การสร้างอาชีพ เสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย พอเลยด้านหลังอาคารเข้าไปด้านใน จะเป็นแนวคอกวัว และลูกวัว ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ นำน้ำนมวัวที่ใส่ขวดไว้ มาป้อนลูกวัวได้
การนำเที่ยวทุกครั้งจะพามาหยุดที่จุดนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเรียนรู้ และเห็นกระบวนการเลี้ยงและรีดนมวัว รวมถึงให้ลองลงมือรีดนมด้วยตัวเองด้วย แม่วัว 3-4 ตัว รอรีดนมอยู่ในกรง พอรีดนมเสร็จยังได้นำขวดใส่นมวัวไปป้อนให้ลูกวัวในคอกที่อยู่ด้านในด้วย งานนี้ดูเหมือนเด็กๆ จะชอบและสนุกสนานกันเป็นพิเศษ
นอกจากมาดู มารีดนมวัวแล้ว ยังได้รู้วิธีทดสอบว่าเป็นนมโคสดแท้ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ใช่ดูแค่ยี่ห้อ แต่ให้ลองเทใส่แก้ว ตั้งทิ้งไว้ ถ้าเป็นนมโคสดแท้ จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเป็นนมผสมจะเกิดเป็นเม็ดๆ เกาะอยู่... ทดลองกันดูหลังอ่านเรื่องนี้จบก็ได้นะคะ
ในเนื้อที่ 2,700 ไร่ของ อ.ส.ค. ยังมีแบ่งเป็นแปลงปลูกหญ้าเลี้ยงวัว และสัตว์อื่น ทุ่งหญ้ากว้างๆ สวยๆ ของที่นี่เคยเป็นฉากประกอบในละครทีวีมาแล้วด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของสวนสัตว์ย่อยๆ ที่มีทั้งกวาง นกกระจอกเทศ และอูฐ รวมถึงลานแสดงม้า ชมวิถีโคบาล ซึ่งจะมีการแสดงของโคบาลให้ได้ชม รวมถึงเด็กๆ จะลองขี่ม้าก็ยังได้ ส่วนใครที่อยากดื่มด่ำกับธรรมชาติให้มากขึ้น อยากจะพักค้างแรมแบบคาวบอยไนท์ ที่นี่ก็มีสถานที่ให้พร้อม
นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สามารถสร้างความสุขให้แก่สมาชิกทุกวัยของครอบครัว ตามสโลแกน “ดื่มนม ชมดาว ดื่มด่ำธรรมชาติ”
และได้คำตอบในใจว่า ทำไมเราถึงรักในหลวงได้อย่างหมดหัวใจ
.......................................
การเดินทาง : ใช้ถนนมิตรภาพ บริเวณหลัก กม.34 เลยทางแยกเข้า อ.มวกเหล็ก กลับรถมาอีกฝั่งถนน หรือมาจากโคราชจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ก่อนถึงทางแยก อ.มวกเหล็ก โทร.0-3634-5188 0-3634-4926
โปรแกรมนั่งรถรางชมฟาร์ม : เช้า 3 รอบ 09.00 น., 10.00 น., 11.00 น.
บ่าย 3 รอบ 13.00 น., 14.00 น., 15.00 น.
อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 120 บาท, นิสิต/นักศึกษา 100 บาท, นักเรียน/เด็ก 70 บาท แต่เด็กเล็กสูงไม่เกิน 90 ซม. ฟรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง