X1 รหัสขายดีของบีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัวเจเนอเรชั่นใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก่อนที่จะขึ้นสายการผลิตในประเทศ ซึ่งปัจจุบัน X1 มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินให้เลือก
X1 sDrive 18d xLine ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรุ่นดีเซล เครื่องยนต์ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ 4 สูบ รุ่นใหม่ล่าสุด ขนาด 1,995 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบต่อนาที
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตามการทดสอบของโรงงานที่ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 125 กรัมต่อกิโลเมตร เกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic Sport 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 9.2 วินาที ราคาจำหน่าย 2.59 ล้านบาท
เจเนอเรชั่นที่ 2 มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย แต่มีบุคลิกที่สปอร์ต และหรูหราขึ้นค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะมุมมองด้านหน้า ที่หน้ารถเหมือนจะถูกยกให้สูงขึ้น ตำแหน่งฝากระโปรงสูงกว่ารุ่นเดิม กระจังหน้าใหญ่ขึ้น เส้นสายบนฝากระโปรงไม่ได้เน้นเด่นชัดเหมือนรุ่นก่อน แต่ออกแบบให้ดูมีมัดกล้ามที่ชัดเจนขึ้น
ไฟหน้ารูปทรงแนวคิดเดียวกันกับรุ่นก่อน แต่เรียวกว่า ดูโฉบเฉี่ยว บวกกับลูกเล่นการออกแบบชัด ไฟแอลอีดีด้านใน ช่วยให้ดูเหมือนกับดวงตาคมกริบที่หรี่เปลือกตาเล็กน้อย เพื่อเฝ้ามองอย่างระแวดระวัง มีไฟขับขี่กลางวันแบบแอลอีดี เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมทั้งไฟส่องด้านข้างขณะเข้าโค้ง หรือช่วงเลี้ยว ช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้นยามค่ำคืน
ส่วนภายในการออกแบบทั่วไปก็ให้อารมณ์ความเป็นบีเอ็มดับเบิลยูเหมือนรุ่นอื่น เน้นแนวคิดสปอร์ต เบาะนั่งหนังแท้ดาโกต้า ปรับไฟฟ้า พร้อมระบบจำตำแหน่งฝั่งคนขับออกแบบกระชับ ช่วยในการควบคุมได้มาก พวงมาลัยไฟฟ้าแบบเซอร์โวโทรนิก ขนาดกำลังดี และน้ำหนักก็ดีเช่นกัน ความเร็วต่ำไม่หนักเกินไป ส่วนที่ความเร็วสูงเพิ่มน้ำหนักได้เหมาะสม ช่วยในการควบคุมและรถนิ่ง
จอภาพขนาด 8.8 นิ้ว รองรับระบบบันเทิง ข้อมูล และระบบนำทาง เป็นแบบลอยตัวเห็นได้ชัดเจน แต่สำหรับคนขับมีเฮดอัพ ดิสก์เพลย์ แสดงข้อมูลความเร็วการขับขี่ หรือข้อมูลของการนำทางที่กระจกหน้า เพื่อไม่ให้ต้องละสายตาจากถนน ระบบนี้บางคนไม่ชอบ แต่ผมชอบ
ด้านหลังนั่งได้สบาย ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระที่ดูเหมือนไม่ใหญ่นัก แต่ก็เก็บของได้เยอะทีเดียว พร้อมฝาปิดเพื่อแบ่งสัดส่วนชัดเจน และเพิ่มความปลอดภัยไม่ให้ของกระเด็นใส่คนเมื่อมีเหตุ เช่น เบรกแรงๆ
รหัส sDrive ก็หมายถึงเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งรุ่นนี้เป็นแบบขับหน้า ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน ทั้งการขับขี่ในเมือง หรือว่าการเดินทางไกล
การขับขี่ในเมืองกรุงที่ปริมาณรถมาก รถติด การจราจรไม่เป็นระเบียบ X1 จัดการได้ดี รูปทรงของรถที่ไม่ได้สูงมากแต่สูงกว่ารถเก๋งทั่วไป ทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีกว่า ลดความเครียดจากการที่มองซ้ายมองขวามองหน้าหลัง เห็นแต่รถคันอื่นๆ เท่านั้น
แรงบิดที่สูงช่วยให้รถมีความคล่องตัวในการขับขี่ที่ต้องเปลี่ยนแปลงความเร็วบ่อยครั้ง เดี๋ยวเบรก เดี๋ยวเร่ง หรือเร่งเพื่อเปลี่ยนช่องทางแบบรวดเร็วให้พ้นจากท้ายคันหน้า และพ้นจากด้านหน้าของรถคันข้างๆ ที่วิ่งแช่อยู่เลนขวาสุดแบบไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร
X1 มีระบบไอเดิล สต็อป ซึ่งจะดับเครื่องอัตโนมัติเมื่อรถจอดสนิทและระบบคำนวณว่ากระแสไฟในแบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน หรือใครอยากประหยัดเพิ่มก็เลือกโหมดขับขี่แบบอีโคโปร ซึ่งจะควบคุมการเร่งไม่ให้รุนแรงเกินไป ควบคุมเครื่องปรับอากาศไม่ให้เย็นเกินไป
แต่หลักๆ ผมเลือกใช้ คอมฟอร์ตเป็นหลักครับ และการใช้งานเกือบ 200 กิโลเมตร ในเมืองหลวง อัตราสิ้นเปลือง 13 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าใช้ได้ครับกับการขับขี่ในรูปแบบของผม
การเดินทางออกต่างจังหวัด ผมมุ่งหน้าผ่านตัวเมืองสระบุรี แล้วเลี้ยวเข้าทางย่อยหมายเลขถนน 4 หลัก เฉียดไปทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม มุ่งหน้า ท่าหลวง ชัยบาดาล ไปบรรจบกับถนนหมายเลข 21 ที่ ลำสนธิ เป็นเส้นทางเล็กๆ ส่วนใหญ่ 2 เลนสวนทาง บางช่วงสภาพถนนไม่ดี เป็นคลื่นเป็นหลุม แต่ก็ดีนะครับ เพราะปริมาณรถน้อยแม้อยู่ในช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน และยังได้เห็นวิวทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม และถนนโล่งๆ บางช่วงก็สามารถทำความเร็วได้
ช่วงนี้ผมเลือกโหมดสปอร์ตเป็นหลัก ช่วยได้เยอะกับทางคลื่นๆ ลดการโดดเด้งของรถได้มาก และต้องชมช่วงล่างของ X1 ที่ยึดเกาะถนนได้ดีในเส้นทางที่ไม่ได้ราบเรียบอย่างนี้
ส่วนทางเรียบระหว่าง ลำสนธิ-เทพสถิต ซึ่งมีเส้นทางขึ้นลงเขาอยู่ระยะหนึ่ง ยิ่งสนุกเลยครับ กำลังดีๆ ของเครื่องยนต์ กับช่วงล่างที่เกาะถนนดี ทำให้ขับได้สนุกมาก ถึงช่วงที่ต้องเร่งแซงยาวๆ เพราะมีรถต่อขบวนกันหลายคัน ก็ทำได้ไม่ยาก การขับขี่บางช่วงที่ความเร็วระดับ 160-170 รถนิ่งดีทีเดียว
ผมไม่ได้ขับเร็วตลอดครับ เพียงแต่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อออกจากพื้นที่ภูเขา ลดความเสี่ยงว่าสัญญาณโทรศัพท์จะไม่ได้ เพราะมีภารกิจจะต้องใช้สัญญาณในช่วงเวลานั้นพอดีครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง