คอลัมน์ คลินิกคนรักบ้าน กับ ดร.ภัทรพล
จากการที่สองผู้ยิ่งใหญ่ในโลก “ออนไลน์” ได้เดินทางโคจรมาพบกันในงาน “China Development Forum” ณ เรือนรับรอง “เตียวหยูไถ่” ทำให้ผมได้ข้อคิดมากมายครับ โดย “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอของ “เฟซบุ๊ก” เป็นผู้นำเทคโนโลยี “ออนไลน์” ในซีกโลก “ตะวันตก” กับ “แจ็ค หม่า” ซีอีโอ ของ “อาลีบาบา” ผู้นำเทคโนโลยี “ออนไลน์” ของซีกโลก “ตะวันออก” ซึ่งทั้งสองท่านได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจมากครับ
“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ได้พูดถึงการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ “ออนไลน์” ซึ่งนับวันจะเก่งกล้าสามารถกว่ามนุษย์ขึ้นทุกที จะเห็นได้จากการที่แชมป์โลกชาวเกาหลีได้พ่ายแพ้ให้แก่คอมพิวเตอร์ในการแข่งขันเกม “โก๊ะ” หรือ “หมากล้อม” โดยเมื่อหลายปีที่ผ่านมา แชมป์โลกหมากรุกชาวรัสเซียก็เสียแชมป์หมากรุกให้แก่คอมพิวเตอร์เช่นกัน นอกจากนั้น อีกไม่นานเกินรอจะเห็น “รถที่ไร้คนขับ” วิ่งกันขวักไขว่เต็มไปหมด นั่นหมายถึงคนต้องแข่งขันกันให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ให้สามารถก้าวทันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ “ออนไลน์” ที่กำลังก้าวรุดหน้ามากยิ่งขึ้น
แต่ “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ได้ฝากข้อคิดเอาไว้และเป็นการเตือนสติให้แก่ผมเป็นอย่างยิ่ง คือ การที่เขาได้พูดถึงลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของเขา โดยบอกว่าสิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุด คือ อยากจะสอนให้ลูกสาวเกิด “ความกระตือรือร้นในการศึกษาหาความรู้” ที่เขาใช้คำว่า “Curiosity” แปลตรงตัวคือ “ความกระหายใฝ่รู้และความอยากที่จะเข้าไปเรียนรู้ในศาสตร์ต่างๆ” เป็นประเภท “น้ำไม่เต็มแก้ว” ครับ ซึ่งเขาบอกว่าขอแค่ลูกสาวมีความสนใจใฝ่รู้ก็พอเพียงและเพียงพอแล้วครับ จึงเป็นหน้าที่สำคัญของพ่อที่จะต้องสอนลูกให้สนใจใฝ่รู้ กระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น เพียงแค่นี้เขาก็พอใจมากแล้วครับ
ส่วน “แจ็ค หม่า” ซีอีโอของ “อาลีบาบา” ผู้นำด้านคอมพิวเตอร์ “ออนไลน์” ของซีกโลก “ตะวันออก” ได้ให้ความหวังว่าต่อไปคนเราอาจจะมีอายุยืนถึง 200 ปี ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากครับ เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาการในทุกๆ ด้าน โดยอาศัยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ก็จะทำให้เกิดการก้าวกระโดดของวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่จะก้าวล้ำนำหน้าไปกว่าปัจจุบันมากมายนัก ถึงขนาดที่ว่าในอนาคตรัฐบาลอาจจะต้องออกกฎหมายห้ามคนมีอายุเกิน 200 ปี กันเลยทีเดียว แต่ประเด็นที่ “แจ็ค หม่า” ได้ทิ้งเอาไว้ ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในซีกโลก “ตะวันออก” ที่คุ้นชินกับการแสวงหาความ “สมดุล” ระหว่างการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ “ออนไลน์” กับความเป็น “มนุษย์” ที่มีความรัก ความเอื้ออาทรต่อกัน
“แจ็ค หม่า” ได้พูดถึง 3 สิ่งที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้และจะไม่มีวันที่ทำได้ อย่างแรก คือ “ภูมิปัญญา” (Wisdom) อันเป็นบ่อเกิดของศิลปวัฒนธรรมที่ทับถมมายาวนานนับร้อยนับพันปี อย่างที่สอง คือ “จิตวิญญาณ” (Soul) และอย่างสุดท้ายคือ “หัวใจ” (Heart) ซึ่งหลอมรวมกันเป็นปรัชญาความเชื่อไม่ว่าจะเป็น “ลัทธิเต๋า”, “ลัทธิขงจื้อ” หรือแม้กระทั่ง “พุทธศาสนา” ที่หยั่งรากฝังลึก ยกตัวอย่างเช่น “ลัทธิเต๋า” ได้สอนให้เราเรียนรู้อยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ส่วน “ลัทธิขงจื้อ” ก็สอนให้เราปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สามารถอยู่กับสังคมอย่างกลมกลืนเช่นกัน ส่วน “พุทธศาสนา” ก็จะสอนให้เรารู้จักตัวเราตัวตนของเรา เชื่อมโยงจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายและจิตวิญญาณของเรา สามารถอยู่ร่วมกันอย่างรู้เท่าทันกับปัจจุบันขณะอย่างกลมกลืน
จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนจากแนวคิด “ตะวันตก” ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและการเพิ่มผลผลิต รวมไปถึงประสิทธิภาพในการแข่งขัน ส่วนแนวคิด “ตะวันออก” ก็มุ่งเน้นทางด้านการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงคงไม่มีใครถูกหรือใครผิดหรอกครับ อาจจะเรียกว่าเป็น “หยิน” และ “หยาง” ของกันและกัน โดยแนวคิด “ตะวันตก” อาจจะเป็น “หยาง” ที่เต็มไปด้วยตรรกะ หลักการ เหตุผล จึงเป็นบ่อเกิดของการพัฒนาแบบก้าวกระโดดทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการของมนุษย์ ที่ก่อเกิดการแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย ส่วนแนวคิด “ตะวันออก” เปรียบได้กับ “หยิน” ที่เป็นความละเอียดอ่อนทางด้าน “จิตวิญญาณ”, “ภูมิปัญญา” และ “มิตรภาพ” ทำให้จิตใจของมนุษย์อ่อนโยน
“แจ็ค หม่า” ได้ฝากข้อคิดที่น่าสนใจไว้ว่า ในอนาคตหากใครสามารถเชื่อมโยงวิถี “ตะวันออก” กับวิถี “ตะวันตก” ได้อย่างกลมกลืนมี “ดุลยภาพ” ที่ผมมักเรียกว่า เป็นกระบวนการ “Synchronize” ค่อยผสมผสานกันในทุกมิติโดยปราศจากความขัดแย้ง ก็จะสามารถอยู่รอดปลอดภัยโดยสวัสดีมีชัยในที่สุด ซึ่งท่านผู้อ่านก็ลองหาความสมดุลกันระหว่างข้อคิดของ “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ “ออนไลน์” ของซีกโลก “ตะวันตก” กับ “แจ็ค หม่า” ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ “ออนไลน์” ของซีกโลก “ตะวันออก” เพื่อหาจุดร่วมที่ลงตัว ที่อาจจะดูยากสักหน่อย แต่เดิมพันก็สูงมากครับ เพราะท่านอาจจะมีอายุยืน 200 ปี เป็นวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วย “Curiosity” ที่ความกระหายใฝ่รู้ของท่านจะทำให้ท่านมีชีวิตชีวาและเบิกบานอยู่ตลอดเวลา เพราะโลกในอนาคตนับแต่นี้ไปจะเต็มไปด้วยอะไรใหม่ๆ ที่รอให้เราเข้าไปศึกษาเรียนรู้ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง