ครบเครื่องรสไทยในต่างแดน

          คนไทยขึ้นชื่อเรื่องลิ้นติดรสชาติอาหารประจำถิ่นฐานบ้านเกิดยิ่งนัก หลายคนเมื่อต้องเดินทางไปต่างแดนต่างเมือง ถึงจะมีมื้ออร่อยให้กินดีกินหรูขนาดไหน แต่ถ้าต้องอยู่เป็นระยะเวลานาน บางมื้อถึงกับต้องควักน้ำพริก น้ำปลา ที่แอบติดกระเป๋าไปด้วย ออกกินให้ช่วยบรรเทาความโหยอาหารสไทยลงได้บ้าง ขณะเดียวกันก็ใช่ว่ามีเฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ติดใจในรสชาติกลมกล่อมของอาหารประจำชาติ แต่ยังมีนักชิมจากทั่วโลกเป็นไทยฟู้ดส์เลิฟเว่อร์อีกด้วย...ดังจะเห็นได้จาก “โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์” ถึงจะอยู่ใกล้จากถิ่นขวานทองขนาดไหน ก็ยังต้องเปิด ห้องอาหารไทย "เบญจรงค์” ให้บริการอาหารไทยครบเครื่องเช่นเดียวกัน

          ภายในร้านอาหารไทยเบญจรงค์ ได้รับการตกแต่งเป็นเรือนไม้สองชั้นเปิดโล่งให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงอย่างเต็มอิ่ม โดยลูกค้าสามารถจับจองที่เลือกนั่งได้ตามใจชอบ แต่ถ้ามาช้าอาจจะหาทำเลริมน้ำได้ยากสักหน่อย...คราวนี้มาพูดถึงความอร่อยของเรื่องอาหารไทยได้รับการยืนยันจาก เชฟสุนัย พวงพี่ ว่ารสเปรี้ยวนิด เค็มหน่อย เผ็ดน้อย หวานเล็กๆ ยังคงเป็นที่ถูกลิ้นนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะมาจากมุมไหนของโลก อย่างถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน จานโปรดต้องยกให้ “ข้าวเหนียวมะม่วง” หรือถ้าข้ามโลกมาจากฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ไม่พ้นผัดไทยและต้มยำกุ้ง

          เริ่มด้วยจานของว่างถือเป็นหนึ่งในจานซิคเนเจอร์ชื่อเดียวกับร้าน “เบญจรงค์” ประกอบด้วยอาหาร 5 อย่าง ได้แก่ กุ้งห่มสะไบ, ไก่สะเต๊ะ, ถุงทอง, กระทงทอง และ ขนมจีบไทย แม้จะเป็นแค่อาหารทานเล่น แต่ทุกชิ้นทุกคำล้วนทำตามแบบฉบับรอยัลไทยคูซีน เน้นวัตถุดิบส่งตรงจากประเทศไทยทุกอย่าง “ขนมจีบไทย” ตัวไส้ ใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพกบด นำมาผัดกับหอมแดง น้ำตาล ให้ได้รสหวานๆ เค็มๆ แล้วนำมาห่อด้วยแป้งมันแป้งข้าวเจ้าก่อนนำไปนึ่ง, “กุ้งห่มสไบ” อันดับแรกปอกกุ้งกุลาดำคัดไซส์หมักด้วยรากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียดกับซอสปรุงรส หนึ่งคืนแล้วนำมาห่อแป้งปอเปี๊ยะแล้วแช่ฟรีซเพื่อให้ตัวแป้งเซตตัวจากนั้นจึงนำมาห่อด้วยเส้นหมี่อีกครั้ง นอกจากจะได้กุ้งห่มสไบชิ้นสวยน่ากินแล้ว ส่วนเคล็ดลับความอร่อยคือต้องกินตอนร้อนๆ ถ้าปล่อยทิ้งไว้แป้งจะไม่กรอบ ขณะที่ “ไก่สะเต๊ะ” ใช้เนื้อส่วนอกหมักเครื่องเทศค้างคืนเช่นกัน แต่เพื่อไม่ให้เนื้อแข็งเกินไปเวลาย่างต้องใช้เทคนิคนิดหน่อย คือขณะย่างใช้กะทิทาเนื้อไก่บ่อยๆ “ถุงทอง” ใช้กุ้งลายเสือหมักกับรากผักชีกระเทียมพริกไทยโขลกละเอียด “กระทงทอง” ใช้เนื้อไก่บด ผัดกับหอม ข้าวโพด และปรุงรสให้กลมกล่อมแล้วนำมาใส่กระทงเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

          ในส่วนของอาหารหลักมีให้เลือกกินมากกว่าประมาณ 10 รายการ หนึ่งในนี้คือ “แพนงเนื้อวากิว” ที่ต้องใช้เนื้อวากิว เชฟสุนัย ให้เหตุผลว่าส่วนซี่โครงเหนียวนุ่มหมักกับซอสทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยนำไปย่างให้ระดับความสุกอยู่ที่มีเดียม สำหรับน้ำเครื่องแกงใช้เครื่องแกงแพนงมาเคีี่ยว แม้ว่าส่งตรงจากเมืองไทย แต่ก่อนนำมาประกอบอาหารต้องผ่านการปรุงรสชาติอีกครั้ง ระดับความเข้มข้นต้องให้เหมือนว่ากำลังมานั่งกินในเมืองไทย และเพราะเป็นอาหารกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ จึงต้องออกรสหวานนำเล็กๆ ความมันจากกะทิ ตามด้วยรสเค็ม ส่วนเรื่องความเผ็ดขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าสามารถระบุได้ ผ่านมาถึง “ต้มยำกุ้ง” เชฟสุนัยรับประกันความแซบเท่ากันทุกชามไม่ว่าเชฟคนไหนจะลงมือปรุง เพราะในขั้นตอนการปรุงต้องผ่านการชั่ง ตวง วัด เป๊ะทุกอย่าง เว้นแต่เรื่องความเผ็ดเท่านั้นเน้นตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ในส่วนของเนื้อกุ้งนั้น เน้นกุ้งลายเสือขนาดมาตรฐานประมาณ 10 ตัวโล ได้เนื้อหวานกรอบกำลังดี และที่สำคัญคือใช้น้ำมะนาวคั้นสดเท่านั้น 

          นอกจากนี้ยังอาหารจานเดียว ที่ได้เสียงตอบรับดีต้องยกให้ “ผัดไทยกุ้งสดห่อไข่” ยังคงใช้กุ้งลายเสือเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน และไม่ต้องเสียเวลาตอบคำถามจากลูกค้าว่าทำไมกุ้งในจานกับภาพกุ้งในรายการถึงแตกต่างกัน ส่วนวัตถุดิบยืนพื้นอย่าง “เส้นจันทน์” หรือแม้แต่ “ถั่วงอก” ก็ยังต้องนำมาจากบ้านเราทั้งสิ้น ด้าน “น้ำซอส” ปรุงรสใช้วิธีการเคี่ยวเก็บไว้ เพื่อความคล่องตัวและมาตรฐานว่าใครๆ ก็สามารถผัดให้ได้รสชาติเดียวกันได้เป๊ะ!!

          ตัดรสคาวด้วยของหวานมีให้เลือกไอศกรีมโฮมเมด ขนมไทย แต่จานขายดีอันดับหนึ่งต้องยกให้ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ส่วนประกอบหลัก 2 อย่าง ได้แก่ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู และมะม่วงน้ำดอกไม้ ถึงแม้ประเทศมัลดีฟส์จะมีทั้งสองอย่างให้เลือกใช้แทบไม่แตกต่าง ทว่ายังคงใช้จากเมืองไทยแม้จะประสบปัญหาจากการขนส่งทำให้มะม่วงช้ำไปบ้าง หากจะทำให้ต่ำมาตรฐานอาหารไทยระดับ รอยัล ไทยคูซีน ในบางครั้งจำต้องยอมพักออกจากรายการไปชั่วคราว ในส่วนของเครื่องดื่มมีให้เลือกสารพัดชนิดไม่ว่าจะเป็นแบบอินเตอร์หรือแบบไทยๆ ดังจะเห็นได้จาก “ม็อกเทลต้มยำ” เห็นๆ อยู่ว่ามาเต็มเครื่องต้มยำทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และ มะนาว แต่ด้วยความฉมังของบาร์เทนเดอร์สามารถผสมจนมีรสชาติกลมกล่อมดื่มแล้วชื่นใจดับกระหายได้ดีเกินคาด

         ร้านอาหารไทยเบญจรงค์ โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ เปิดให้บริการแบ่งออกเป็นสองช่วงได้แก่ เวลา 12.00-15.00 น. และ 19.00-22.00 น. .....กินให้หายคิดถึงอาหารไทย!!