ล่องเรือ ชมเขาหินปูน เขื่อนรัชชประภา

          ห่างหายไป 4 ปี ความทรงจำเกี่ยวกับ เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ฉันชอบเรียกติดปาก ยังไม่จางหาย หากแต่กลับคิดถึงห้วงเวลาที่ได้ล่องเรือดูเขาหินปูนกลางน้ำรูปทรงต่างๆ ไปจนถึงพายคยัก เลาะไล่ ตามดูนกเงือกริมฝั่ง

         พายชิดติดตลิ่ง ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเกยตื้น ก็น้ำในเขื่อนน่ะ เหมือนน้ำท่วมหุบเขาลึก เหลือยอดๆ ให้ใช้พื้นดินทำประโยชน์อย่างอื่น ฉะนั้นน้ำข้างตลิ่งก็ลึกทีเดียวสำหรับคนไม่ชอบน้ำในเขื่อนอย่างฉัน แต่ขนาดไม่ชอบก็ยังอดใจไม่ไหวกับความเย้ายวนของธรรมชาติที่นี่

         เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเพียงโซนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติเขาสก แต่โดดเด่นด้วยเขาหินปูนกลางน้ำ ที่ล่องเรือผ่านไปจะเห็นภาพขุนเขาที่แปลกตา กระทั่งถูกเปรียบเปรยว่า เป็นกุ้ยหลิน(เมืองไทย) ส่วนตัวฉันไม่ชอบหรอก เชี่ยวหลานก็เชี่ยวหลานอย่างภูมิใจ เพราะความเฉพาะของที่นี่ก็ไม่เหมือนที่ไหนเช่นกัน

          อุทยานแห่งชาติเขาสกได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศูนย์กลางของขุนเขาแห่งป่าฝน ที่เชื่อมผืนป่าดิบชื้นแห่งภาคใต้เป็นผืนป่าใหญ่ที่สุด และมีความสำคัญของภาคใต้ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาสก, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา, อุทยานแห่งชาติศรีพังงา และอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เนื้อที่เกือบ 2.3 ล้านไร่

         นอกจากความหลากหลายของพืชพันธุ์ ธรรมชาติของป่าเขา ยังมีน้ำตก ถ้ำ และเทือกเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเหนือผืนน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา โดยตัวเขื่อนจะอยู่ถึงก่อนที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสกราว 65 กม. (ถ้าไปจากสุราษฎร์ธานี)

 

         เขื่อนรัชชประภาไปเที่ยวได้ตลอดปี แม้จะอยู่ในช่วงหน้าฝน เพียงแต่เราเลือกไม่เดินทางตอนมีพายุหรือฝนตก ก็ปลอดภัยระดับหนึ่ง เขื่อนนี้อยู่ด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาสก สร้างขึ้นปิดคลองพระแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.ขาพัง อ.บ้านตาขุน ตัวเขื่อนเป็นหินทิ้งแกนดินเหนียวสูง 95 เมตร ระดับสันเขื่อนสูง 100 เมตร มีความยาว 700 เมตร พอเขื่อนนี้สร้างขึ้นก็ก่อให้เกิดเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 160 เกาะ ซึ่งเกาะที่ว่านี้ก็คือส่วนของยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำนั่นเอง

         ในบริเวณอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนรัชชประภาและแหล่งน้ำต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติเขาสก อุดมไปด้วยปลาน้ำจืดนานาชนิด และถ้ามาให้ถึงเขื่อนรัชประภาจริงๆ ต้องไม่พลาดเมนูปลาแรดทอดสามรส เพราะดูเหมือนจะเป็นเมนูประจำของทุกแพพัก ที่เตรียมไว้รอรับนักท่องเที่ยวมาล่องเรือเที่ยวเขื่อนรัชชประภา สามารถนั่งเรือต่อไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ ได้แก่ แพนางไพร แพโตนเตย แพไกรสร อัตราค่าเรือตั้งแต่ 1,800 บาทขึ้นไป หรือจะติดต่อแพเอกชนก็มีให้เลือกมากมาย สนนราคาพอๆ กัน นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากพักค้างเรือนแพก็ใช้บริการแบบวันเดย์ทริปได้ ไปล่องเรือเขื่อนรัชชประภาคราวนี้ เลยลองใช้บริการล่องเรือแบบวันเดย์ทริปของแพ 500 ไร่ มีเจ้าหน้าที่มารอรับถึงท่าเรือ พาล่องชมความงามของเขาหินปูน ที่พลาดไม่ได้คือ หินสามเกลอ และความสวยงามของจุดที่เรียกว่ากุ้ยหลินน้อย ก่อนเข้าโซนเขาหินปูน จะผ่านศาลพ่อตาโชงโดง ทำเป็นสถานที่สักการะ ซึ่งชาวเรือที่นี่เขานับถือกันมาก ใช้เวลานานพอควรเข้าไปถึงแพ 500 ไร่ เพื่อกินข้าวเที่ยง เพราะแพนี้จะอยู่ในเวิ้งอ่าวที่ค่อนข้างไกล และเป็นส่วนตัวพอดู จากเดิมที่เคยอยู่บริเวณที่เรียกว่าทะเลใน แต่ถูกเวนคืนสัมปทานไปแล้ว เลยขยับออกมาอยู่ด้านนอก หลังมื้อเที่ยงเดินทางต่อไปยังถ้ำปะการัง ชมความงามของหินงอกหินย้อย แต่กว่าจะถึงตรงนั้นต้องพากันเหนื่อยสักหอบสองหอบ ด้วยการเดินขึ้นเขาราวๆ ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง แล้วแต่กำลังขา พอข้ามไปอีกฝั่งก็จะเป็นโซนของทะในแล้ว น้ำใสสีเขียวรออยู่เบื้องล่าง ต้องนั่งแพเข้าไปอีกต่อ จึงจะถึงถ้ำปะการัง แม้จะไกลแต่ก็คุ้มค่าที่ได้เดินชมความงามประกายเพชรของหินย้อย แถมยังได้เอ้อระเหยอยู่กลางสายน้ำเอื่อยระหว่างล่องแพไป-กลับ

         จริงๆ ยังมีถ้ำอีกแห่งที่ขึ้นชื่อประจำเขาสก ก็คือ ถ้ำน้ำทะลุ หรือถ้ำน้ำหลุ อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขส.4 (คลองแปะ) ประมาณ 3 กม. ริมอ่างเก็บน้ำเชี่ยวหลาน โดยต้องนั่งเรือจากท่าเรือเขื่อนรัชชประภาไปประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเข้าไปตามคลองแปะอีกประมาณ 15 นาที แล้วเดินเท้าต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จึงถึงถ้ำทะลุ ที่มีปากถ้ำกว้างใหญ่ถึง 30 เมตร ภายในกว้างขวางมีลำธารไหลผ่านตลอดความยาว 600 เมตร

         หรือใครไม่อยากนั่งเรือ อยากจะเผาผลาญพลังงานก็สามารถเดินเท้าจาก บริเวณ กม.ที่ 99 เข้าไปถึงถ้ำได้ ระยะทางประมาณ 12 กม. ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย รวมทั้งโขดหินที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำจนมีรูปทรงแปลกตา คราวนี้ไม่พร้อม และยังอยากชิลๆ เลยต้องขอข้ามไป

         แต่เพียงระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ที่ล่องเรืออยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำ ก็ต้องบอกว่า มันยอดมาก และมากี่ครั้งๆ ก็ยังหลงใหลไปกับยอดเขาหินปูน กับสายลมปะทะหน้าเวลาที่เรือแล่นไป

         แม้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์อยู่บ้าง จากแพที่เพิ่มขึ้น แถมบางแพก็มีแต่งเติมรับนักท่องเที่ยวกึ่งผจญภัย แต่นี่ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ใครๆ ก็หลงใหลในเขื่อนรัชชประภา
 
.......................................

          การเดินทาง เขื่อนรัชชประภาอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 65 กม. ทางเข้าอยู่บริเวณ กม.ที่ 57-58 บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 ไปอีกประมาณ 12 กม. อุทยานแห่งชาติเขาสก โทร.0-7739-5154
ททท.ราษฎร์ธานี โทร.0-7728-8818-9