เกาะเกิด ไม่ใช่เกาะเกร็ด !! อยู่แค่บางปะอิน แต่วิถีสงบสุข ไปนอนโฮมสเตย์ จิบบรรยากาศคุ้งน้ำเจ้าพระยา สุดฟิน
แค่ชื่อ เกาะเกิด ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่ ไม่ได้ซอกแซกค้นหา คงต้องถามย้ำว่า พูด(พิมพ์)ผิดหรือเปล่า
ความจริงคือถูกแล้ว ชื่อเกาะเกิด อยู่อ.บางปะอิน ไม่ใช่เกาะเกร็ด ที่นนทบุรีนะจ๊ะ
เอ่ยชื่อบางปะอิน หลายคนอาจจะนึกออกแค่ พระราชวังบางปะอิน หากแต่ในมุมวุ่ยวายของเมือง มีชุมชนเล็กๆ แทรกตัวอยู่อย่างสงบ พึ่งพาตัวเองได้และยังรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง ข้อสำคัญ คนที่นี่ใจดี
เกาะเกิด เกาะที่มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า แม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลผ่านพัดพาเอาดินตะกอนมาทับถม กันเป็นเวลายาวนาน จนทำให้เกิดเกาะกลางแม่น้ำในบริเวณกว้าง เป็นที่ตั้งของตำบลจึงได้ตั้งชื่อตำบลว่า ตำบลเกาะเกิด
หรืออีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อค้าชาวจีนที่ล่องเรือสำเภามาค้าขายตามลำน้ำเจ้าพระยาเมื่อล่องมาถึงบริเวณตำบลเกาะเกิดในปัจจุบัน เกิดพายุพัดเรือสำเภาล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบริเวณหน้าวัดเชิงท่าในปัจจุบัน เวลาผ่านไปได้มีดินตะกอนมาทับถมจนเกิดเป็นเกาะอยู่กลางน้ำ พื้นที่เดิมเป็นป่าดงดิบและป่าไผ่
พอกรุงศรีอยุธยาแตก ชาวบ้านอพยพลงมาทางท้ายแม่น้ำเจ้าพระยา และมาถากถางที่ทำมาหากิน ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกชาวบ้านที่อาศัยบริเวณเกาะนี้ว่า“ชาวเกาะเกิด”จนกลายเป็นชื่อตำบลในปัจจุบันของชุมชนตำบลเกาะเกิด และจากหมู่บ้านธรรมดา พัฒนาขึ้นมาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว ที่มีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ไปด้วยกัน
ต้นฝนแบบนี้ อากาศยังไม่คลายร้อน เลยตัดสินใจเลือกไปนอนเล่นรับลมที่อยุธยาได้ไม่ยาก แต่พอไปถึงเกาะเกิดเข้าจริงๆ แผนการอื่นเลยขอพับไว้ก่อน นอนเล่นๆ อยู่ที่เกาะเกิดนี่แหล่ะ
นอกจากบรรยากาศชิลๆ ริมน้ำ หน้าบ้านพักโฮมสเตย์ ป้าลำเจียก น้องสาวของป้าลำพูน พรรณไวย อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.เกาะเกิด ที่ปลุกปั้นโฮมเสเตย์และการท่องเที่ยวชุมชนขึ้นมาเมื่อ 11 ปีก่อน (ราวปี พ.ศ.2548) ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องไปไหนเลย ให้ตายเถอะ...
เสียงเรือลากจูงผ่านมาตามคุ้งน้ำเจ้าพระยา เป็นระยะๆ ฉันทอดสายตามองด้วยความรู้สึกหลายหลาก แม้ถนนหนทางจะสะดวกสบายขึ้น แต่การเดินเรือก็ยังเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับการขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ ทรายเป็นตันๆ เครื่องมือก่อสร้าง ไปจนถึงสินค้าจิปาถะ และคุ้มน้ำเดียวกันนี้ ก็เป็นแหล่งหล่อเลี้ยงปากท้องของชาวบ้าน ทั้งตกกุ้ง ตกปลา เลี้ยงปลากระชัง ขอแค่มีเรือก็ไม่อดตายแล้ว
เกาะเกิดสมัยก่อนยังต้องสัญจรทางเรือ ฉะนั้นหน้าบ้านส่วนใหญ่จึงหันสู่แม่น้ำ หลังบ้านคือถนนในชุมชน ที่วันนี้มีเข้าถึงทุกซอกซอยแล้ว
ป้าลำพูน เล่าว่า ตอนนี้มีชุมชนใน 4 หมู่บ้าน คือ ม.4-7 มาร่วมกันทำกิจกรรมรับการท่องเที่ยวชุมชน เริ่มจากบ้านแก้วในสวนของป้าลำพูนเอง ที่เปิดเป็นโฮมสเตย์แห่งแรก และเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนด้วย
"สมัยเป็นผู้ใหญ่บ้านผลักดันเรื่องพวกนี้ไม่คืบหน้า แต่พอเกษียณจากงานราชการมาแล้วนั่นแหล่ะ กลับสำเร็จ เริ่มมีคนมาดูงาน บ้านป้าเองทำยาลูกกลอน สมุนไพร จากกินรักษาอาการป่วยของตัวเอง ซึ่งได้ผลจนมีการบอกต่อๆ กัน มีทัวร์มาลง จนวันนี้ มีกลุ่มอื่นๆ มาจับมือร่วมกันรับท่องเที่ยวมากขึ้น"
นอกจากมาพักผ่อน นอนเล่นโฮมสเตย์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น ทำขนม แถวนี้เขามีทำขนมไทยอร่อยๆ ส่งขายแต่เช้าตรู่ ทั้งขนมต้ม ขนมกง ขนมเปียกปูน ถั่วแปบ ข้าวต้มมัด ไปจนถึงขนมข้าวยาคู ขนมไทยโบราณ
ตลาดเย็น ทางเข้าหมู่ 4
เลี้ยงกบ ก็ต้องมายำกบขายด้วย
ดอกบัวปลูกจากสวนเกษตรประจำตำบล
ตกเย็น ป้าลำพูนพาปั่นจักรยานไปเที่ยวตลาดนัด ใกล้หมู่ 4 ติดถนนใหญ่ ที่นี่เป็นตลาดเล็กๆ บ้านๆ แต่ขายของร่วมกันทั้งชาวไทยพุทธ และมุสลิม
เห็นยำกบ เข้าไปดู คุยไปคุยมาได้ความว่า เป็นกบที่ได้รับจัดสรรอาชีพมาให้เลี้ยง ทีนี้พอเลี้ยงก็ต้องหาทางขายด้วย เลยต้องมาทำยำกบขาย แต่ขอบอกว่า รายได้เลี้ยงครอบครัวสบายๆ ดอกบัวมัดใหญ่ หรือผักสวนครัว ส่วนใหญ่ก็มาจากโครงการปลูกพืชผักอินทรีย์ในชุมชนเกาะเกิดนี่เอง เสร็จแล้วก็นำมาขายตลาดนัด ชนิดที่ว่าปลูกและขายกันในหมู่บ้านนี่แหล่ะ
ฟู้ดทรัค ขนานแท้
ข้าวหลาม 3 วัง ขายตลาดเช้า ย่างไป-ขายไป
จิบบรรยากาศคุ้งเจ้าพระยา หน้าเรือนนอน
ป้าสำราญ กำลังทำข้าวต้มมัด
สายๆ ปั่นจักรยานไปบ้านป้าสำราญ สวนทางกับเด็กๆ ที่ไปโรงเรียน ดูป้าทำข้าวต้มมัด ซึ่งบ้านเล็กๆ นี้เองรับแขกหมู่บ้านมานักต่อนักแล้ว เลยจากบ้านป้าสำราญ ไปไม่ไกล ก็ถึงวัดพยาญาติวัดแรกที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2100 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ห่าง 500 เมตร จากที่ผู้รู้ได้กล่าวว่า วัดพยาญาตินี้เป็นวัดพี่วัดน้องกับวัดพระญาติการาม เพราะผู้สร้างวัดเป็นพี่น้องกัน เป็นญาติกัน มียศเป็นพระยาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านมักเรียกว่า วัดนอก เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อดำ ฉันถามป้าลำพูนด้วยความสงสัย ทำไมจึงสีดำและทาปากแดง ก็ได้ความว่า เป็นรูปเปลือกนอกที่สร้างครอบหลวงพ่อดำ เนื้อทองแท้อีกชั้นหนึ่ง
หลวงพ่อดำ วัดพญาญาติ
ด้านหน้าวัดพญาญาติ มีต้นมะขามยักษ์ 2 ต้น อายุนับร้อยปี ตามประวัติของวัดกล่าวไว้ว่า รัชกาลที่ 5 เสด็จมาที่วัดนี้ ทรงเลื่อมใสในเข้าอาวาสสมัยนั้นชื่อ หลวงตาอิน จึงพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูรัตนาภิรมย์ และทรงปลูกมะขาม 2 ต้นนี้ไว้หน้าวิหาร
วัดเชิงท่า
ตะเคียนยักษ์อายุกว่าร้อยปี
ถัดไปอีกหน่อยก็ถึงวัดเชิงท่า ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่พบพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เนื้อสัมฤทธิ์ ศิลปะขอม ปางห้ามสมุทร พบในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัด กับเรื่องเล่าถึงความน่าอัศจรรย์ในการค้นพบ ด้านหน้าวัดริมน้ำ มีต้นตะเคียนขนาดใหญ่ อายุนับร้อยปีอยู่หลายต้น จนมีการตั้งศาลเจ้าแม่ตะเคียน และยังมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใต้ต้นโพธิ์ที่ขึ้นเคียงคู่กับต้นตะเคียนอายุนับร้อยปี
คนเดินทางมาวัดเชิงท่าได้ทั้งทางเรือ หรือจะมาทางบกก็ได้เช่นกัน แต่ถ้ามาที่เกาะเกิด ปั่นจักรยานไปเที่ยวชมที่ไหนๆ ก็สะดวก
ไร่นาสวนผสม
มันเทศญี่ปุ่น จากแปลงอินทรีย์
เพาะเห็ดขายเพิ่มรายได้
ออกจากวัด กลับบ้านพัก ผ่านแปลงมันญี่ปุ่น แวะผ่านเข้าไปดู ชาวบ้านใจดีให้เข้าไปเที่ยวในสวนได้ แถมกำลังขุดมันขายเลยได้อุดหนุน แต่เจ้าของสวนบอกว่า ปีนี้แย่หน่อยเพราะแล้งนาน มันเลยหัวไม่ใหญ่มาก และที่นี่ปลูกพืชผักกันแบบอินทรีย์ เลยไม่ต้องห่วงเรื่องสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงตกค้าง
เกาะเกิดวันนี้ ยังเหมือนไข่แดง เป็นชุมชนที่ยังบริสุทธิ์ ห้อมล้อมด้วยสังคมรอบข้างที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ที่นี่กลับเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองได้ ด้วยความร่วมมือของคนในชุมชน ลองไปเยี่ยมชม แล้วจะหลงรักที่นี่เหมือนที่ฉันเป็น !!
แสงเช้าแบบนี้ ต้องไปนอนโฮมสเตย์ถึงจะได้เห็น
แผนที่เกาะเกิด จาก http://www.cbtdatabase.org/กลุ่มท่องเที่ยว-เชิงอนุ.html
ติดต่อเยี่ยมชมเกาะเกิด : คุณลำพูน พรรณไวย โทร. 08-1851-6632, 08-1372-603
ที่พัก บ้านพักรูปแบบโฮมสเตย์ ค่าที่พัก ห้องแอร์ 250 บาท / คน / คืน, ห้องพัดลม 150 บาท / คน / คืน ขั้นต่ำ 4 คน พร้อมอาหารเช้า
หากต้องการทำกิจกรรม หรือ เดินทางเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และศูนย์เกษตรต้องแจ้งล่วงหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง