พืชไทย5ชนิดพิชิตภูมิแพ้

 

          “ภูมิแพ้” เป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน จากการสำรวจพบว่า ภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา คนไทยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นถึง 3 - 4 เท่า โดยประชากร 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของประชากรทั่วประเทศป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โดยโรคภูมิแพ้ยอดฮิต 4 อันดับแรกของคนไทย ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ซึ่งมีผู้ป่วยมากถึงร้อยละ 30 หรือเท่ากับจำนวนประชากร 20 ล้านคน ตามมาด้วยโรคหอบหืดร้อยละ 10 - 15 โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 15 และโรคแพ้อาหารร้อยละ 5 ซึ่งเมื่อคิดถึงเม็ดเงินที่ต้องใช้ไปในการดูแลรักษาโรคภูมิแพ้จะเป็นจำนวนเงินสูงถึง 2,400 ล้านบาทต่อปื

 

          ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา  ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) นักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรกผู้คิดวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุลจากสารสกัดธรรมชาติ และผู้วิจัยพืชไทยต้านโรคภูมิแพ้ได้สำเร็จ เปิดเผยว่า การปรับภูมิคุ้มกันร่างกายให้เกิดความสมดุลเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเอาชนะโรคภูมิแพ้ที่ได้ผลจริงในปัจจุบัน การวิจัยล่าสุดพบว่า สารสกัดจากพืชไทย 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก เมื่อนำมาเสริมฤทธิ์กันจะมีคุณสมบัติทำให้ภูมิคุ้มกันเกิดความสมดุล โดยสารสกัดเหล่านี้จะเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดเลือด Th1 ซึ่งมีผลช่วยลดการทำงานของเม็ดเลือดขาว Th2 ลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งลดการหลั่งสาร IL-5 เมื่อสาร IL-5 มีจำนวนลดลงการสร้างสาร IgE ก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ การหดตัวของหลอดลม ผื่นคัน อาการคัดจมูก-น้ำมูกไหล และอาการอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก

 

          ซึ่งเป็นแนวคิดที่ศ.ดร.พิเชษฐ์ เรียกว่า “ภูมิสมดุล” ซึ่งช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้และแสดงอาการแพ้น้อยลง นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะไปกระตุ้นอาการแพ้ด้วย เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ควันบุหรี่ รวมถึงควรปรับเปลี่ยนอาหารที่รับประทานให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและอุดมด้วยสารอาหารมีประโยชน์ และ อาหารที่มีวิตามินซีสูง ตลอดจนการออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ก็จะสามารถช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ให้ลดน้อยลงได้ในอีกทางหนึ่ง

 

          ถึงแม้ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้การดูแลรักษาสุขภาพให้มีความสมบูรณ์และสมดุลเป็นเรื่องยากมากขึ้น แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า “ธรรมชาติ” กับ “มนุษย์” นั้นมีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่เกิดจนตาย การดูแลสุขภาพรักษาโรคด้วยการใช้อาหารเป็นยาจึงเป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่ควรมองข้าม ควบคู่ไปกับการหาจุดสมดุลบนเส้นทางสายกลางให้แก่ร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างเป็นสุขและยั่งยืน