ข่าว

ชาวบ้านเลี้ยง‘มดแดง’ขาย‘ไข่’สร้างรายได้งาม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวบ้านอ.วังทอง จ.พิษณุโลก เลี้ยงมดแดงขายไข่ตามโครงการปิดทองหลังพระจากปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ เน้นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างรายได้ให้ครอบครัวเดือนละ 3 หมื่น

 
                 19 กันยายน 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านดงพลวงเจริญผล ต.หนองพระ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีชาวบ้านยึดอาชีพแปลกทำมาหากิน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จึงเดินทางไปตรวจสอบ โดยที่แปลงการทำเกษตรผสมผสานบนเนื้อที่ 7 ไร่ เป็นของนายบุญชู ศิดสันเทียะ อายุ 45 ปี และนางดาว ศิดสันเทียะ อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 416 หมู่ 4 ต.หนองพระ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยในเนื้อที่ 7 ไร่ ได้มีการปลูกพืชพักผลไม้ เลี้ยงหมู ขุดบ่อเลี้ยงปลา แต่ที่โดดเด่นของสวนเกษตรพอเพียงของนายบุญชู คือ การเลี้ยงมดแดง ขายตัวและไข่ แบบแปลกไม่เหมือนเกษตรกรรายอื่น
 
                 นายบุญชู ศิดสันเทียะ เจ้าของสวน กล่าวว่า ตนประสบความสำเร็จเรื่องการเลี้ยงมดแดงเพื่อขายไข่จากโครงการปิดทองหลังพระ และเน้นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จากนั้นจึงนำความรู้ที่ได้ลองผิดลองถูกจนประสบความสำเร็จ มาสอนให้ความรู้และแนะนำให้กับชาวบ้านที่สนใจอยากจะยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริม สำหรับวิธีการเลี้ยงมดแดงเพื่อขายไข่มีดังนี้ คือ นำเชือกมาผูกขึงกับต้นมะม่วงต้นต่างๆ ไว้ และมัดเชือกโยงให้ไปถึงกันทุกต้น จากนั้นเตรียมอาหารของมดแดงซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวสุก เนื้อปลา นมผงเด็ก ซึ่งเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นเอง มาขยำส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปหย่อนใส่ปากขวดพลาสติกที่ถูกตัดดัดแปลงเอาไว้เป็นภาชนะใส่อาหารติดกับต้นมะม่วง เมื่อฝูงมดแดงได้กลิ่นอาหารดังกล่าวก็จะพากันเดินไต่เชือกมากินอาหารกันอย่างอุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ของมดแดงตัวผู้และมดแดงตัวเมียจะตกไข่ออกมามีขนาดฟองที่ใหญ่มาก
 
                 ช่วงนี้ควรมั่นสังเกตรังมดแดงหากมีขนาดใหญ่ได้ที่จึงใช้ไม้สอยรังลงมาไว้ที่พื้น รอให้มดแดงล่าถอยออกไปเหลือไว้เพียงแต่ไข่มดแดงเท่านั้น ก็สามารถนำไปขายได้ถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ส่วนตัวมดแดงสามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละ 250 บาท โดยไข่มดแดงจะมีพ่อค้าทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เดินทางมารับซื้อนำไปประกอบอาหาร ส่วนตัวมดแดงทางโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า จ.กาญจนบุรี จะรับซื้อไปเป็นอาหารสัตว์ของตัวสมเสร็จ หรือชะมดเช็ด สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวถึงเดือนละ 30,000 บาท ซึ่งมดแดงเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายและสร้างกำไรงามให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย
 
 
ข้าวเม่าพอกเงินล้าน! วัดหาดมูลกระบือ ของกินคู่งานแข่งเรือวัดใหญ่
 
 
                 งานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานประจำปี 2557ที่สนามหน้าวัดใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก ปีนี้ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 20-21 กันยายน 2557 และมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เคียงคู่มากับงานแข่งเรือสนามจ.พิษณุโลกมานานหลายปี นั่นคือ ร้านขายข้าวเม่าพอก ของวัดหาดมูลกระบือ ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ที่ต้องมาเปิดร้านทอดข้าวเม่าจำหน่ายให้ชาวพิษณุโลกได้รับประทานขนมโบราณสุดแสนอร่อยเป็นประจำทุกปี ในปีนี้ คณะผู้จำหน่ายข้าวเม่าพอกวัดหาดมูลกระบือ ได้มาตั้งร้านจำหน่ายที่จ.พิษณุโลกตั้งแต่วันที่จันทร์ที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา และจะขายไปจนถึงวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2557 ในสถานที่เดิม คือถนนหน้าวัดใหญ่ ติดกับป้ายชื่อวัด และได้รับความนิยมจากชาวพิษณุโลกที่แวะมาอุดหนุนหนาแน่นตั้งแต่เช้าไปจนถึงเย็น กระทั่งวัดสุดท้ายของการแข่งเรือ
 
                 ในปี 2557 นี้ ร้านข้าวเม่าพอกวัดหาดมูลกระบือ ยังคงจำหน่ายข้าวเม่าพอกเหมือนแสนอร่อยเหมือนเดิม แต่ปีนี้ได้ปรับราคาเพิ่มเป็นแพละ 25บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขายแพละ 20 บาท  เช้าวันที่ 19กันยายน 2557คณะกรรมการวัดหาดมูลกระบือ ที่ประกอบด้วยผู้หญิงสูงอายุเป็นสวนใหญ่ร่วม 20 คน ได้แบ่งหน้าที่กันทำงานตั้งแต่เช้ามืด ไล่ตั้งแต่แผนกปลอกกล้วยไข่ และนำกล้วยไข่มาพอกกับข้าวเม่าที่กวนผสมด้วยมะพร้าว น้ำตาล จากนั้นส่งมายังแผนกทอดกล้วยไข่ ที่ก่อฟืน ตั้งกระทะร้อน ๆ ทอดกล้วยไข่พอกด้วยข้าวเม่าจนสีเหลืองน้ำตาลได้ที่ และส่งต่อมายังฝ่ายทอดหน้าข้าวมอก ที่ใช้แป้งผสมไข่และเกลือ ทอดในน้ำมันร้อน ๆ นำมาโป๊ะไว้เป็นหน้าข้าวเม่า และฝ่ายจำหน่ายได้ห่อกระดาษ ใส่ถุงพลาสติกจำหน่ายที่ประทับตรายี่ห้อข้าวเม่าพอกวัดหาดมูลกระบือรับประกันความอร่อยของแท้ด้วย
 
                 เดิมการทำข้าวเม่าพอกนั้นทำกันเฉพาะงานแข่งเรือที่วัดหาดมูลกระบือ ชาวบ้านต.ไผ่ขวางและต.ย่านยาว อ.เมืองพิจิตรจะช่วยกันทำข้าวเม่าพอกจำหน่าย เงินรายได้ทั้งหมดเข้าพัฒนาวัดตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาส จำหน่ายมาตั้งแต่แพละ 3 บาท 5 บาท 10 บาท และมาถึงปี 2556 แพละ 20 บาท ก็ยืนราคามาหลายปีแล้ว แต่ปี 2557 ได้ปรับราคาขึ้นเป็นแพละ 25 บาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบทุกอย่างเพิ่มขึ้น และยังคงร่วมสืบสานประเพณีดั้งเดิมในการร่วมกันทำข้าวเม่าพอกจะนำเงินทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์เข้าพัฒนาวัดหาดมูลกระบือ คณะกรรมการที่มาทำข้าวเม่าพอกก็มาด้วยใจ ไม่มีค่าจ้างใด ๆ ในวันแข่งเรือ 20-21 ก.ย.2557 ชาวบ้านจากต.ไผ่ขวางและต.ย่านยาว ก็จะมาสมทบช่วยกันทำจำหน่ายที่พิษณุโลกอีกจำนวนมาก
 
                 สำหรับการออกร้านจำหน่ายข้าวเม่าพอกของวัดหาดมูลกระบือนั้น เดิมมีเฉพาะงานประเพณีแข่งเรือวัดหาดมูลกระบือจากนั้น ได้รับการร้องขอจากสนามอื่น ๆ ในพิจิตรและพิษณุโลกให้ไปเปิดร้านจำหน่าย เริ่มจาก วัดหาดมูลกระบือ วัดท่าฬ่อ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร และวัดใหญ่ จ.พิษณุโลก และปีนี้จะไปปิดท้ายที่วัดบางบัวทอง อ.โพธิ์ประทับช้างจ.พิจิตร และช่วงปีหลัง ๆ ทำเงินรายได้เข้าวัดร่วมปีละ 1 ล้านบาท เฉพาะที่พิษณุโลกมียอดขายเฉลี่ยวันละ 30,000-40,000 บาท
 
                 ข้าวเม่าพอก จึงเป็นสิ่งที่เคียงคู่กันมาของงานประเพณีแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ ของจ.พิจิตรและพิษณุโลก การจำหน่ายข้าวเม่าทอด ของชาวบ้านจากชุมชน วัดหาดมูลกระบือ ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร นำโดยพระครูพิเชษฐ์ธรรมคุณ หรือ หลวงพ่อวิเชียร อดีตเจ้าอาวาสวัดหาดมูลกระบือ ชาวบ้านทั้งชุมชนยังคงสืบสานประเพณีดั้งเดิมมาอย่างต่อเนื่องทุกปี จะจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำข้าวเม่า ซึ่งได้รับบริจาคจากชาวบ้าน อาทิ มะพร้าวนับหมื่นลูก กล้วยไข่ น้ำมันพืช น้ำตาล และอื่นๆ จัดเตรียมไว้ เมื่อถึงวันงาน จึงร่วมมือร่วมแรงกันจัดทำ ข้าวเม่าทอด เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว และผู้สนใจทั่วไป บุญข้าวเม่าทอด ของวัดหาดมูลกระบือ จะจัดขึ้นประมาณ 1 เดือน ทุกปีจะเริ่มในเดือนประมาณกลางเดือนสิงหาคมไปสิ้นสุดประมาณกลางเดือนกันยายน
 
                 ในแต่ละวัน จะมีการตั้งกระทะทอดข้าวเม่าประมาณ 5-10 ใบ ขณะเดียวกันก็จะแบ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งไปตั้งกระทะไปทอดขายตามสนามแข่งเรือต่างๆ ของจังหวัด แต่ถ้าเป็นในวันงานแข่งขันเรือยาวประเพณีของวัด คณะกรรมการวัดจะตั้งเตาทอดข้าวเม่าไว้กว่า 50 ใบ ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ และขอแรงคนเฒ่าคนแก่ และหนุ่มสาวทั้งหมู่บ้าน นับร้อยๆ คนมาทอดข้าวเม่าขาย จำนวนเตาทอดข้าวเม่ากว่า 50 ใบ และทอดข้าวเม่าขายตั้งแต่ไก่โห่ ก่อนตะวันขึ้น จนไปถึงตะวันตกดิน หลายคนอาจจะคิดไปก่อนว่า จะทอดขายให้ใครกิน แต่เชื่อหรือไม่ว่า ข้าวเม่าทอดออกมาสุกเกือบไม่ทันความต้องการของคนกิน ใครจะกินต้องซื้อกันทุกคน แม้กระทั่งคณะกรรมการของวัดก็ต้องซื้อ
 
 
 
 
 
 
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ