พระเครื่อง

'พุทธะอิสระ'ทำผิดกม.จับสึกได้ทันที!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'สำนักพุทธฯ'ชี้'พุทธะอิสระ'ผิดพระธรรมวินัย-ทำผิดกม.จับสึกได้ทันที ยันไม่นิ่งนอนใจ ประสานทุกฝ่ายดำเนินแล้ว ด้าน'ศาล'นัดฟังคำสั่งหมายจับ' หลวงปู่ฯ'6 ก.พ

 
                  เมื่อเวลา 09.30 น. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธะอิสระได้นำมวลชนปิดสำนักงานเขตหลักสี่ และมีเหตุวุ่นวาย จนมีกระแสข่าวว่า สำนักพุทธฯ ไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างจริงจังว่า หลวงปู่พุทธะอิสระได้ร่วมกันชุมนุมและปิดสถานที่ราชการ ทางสำนักพุทธฯ ก็เกิดความไม่สบายใจ ทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อให้ดำเนินการนิมนต์หลวงปู่พุทธะอิสระไปว่ากล่าวตักเตือน เพราะไม่สมควรที่จะไปกระทำการร่วมกับการชุมนุม เพราะถือเป็นการทำผิดพระธรรมวินัย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากหลวงปู่พุทธะอิสระแต่อย่างใด ทางสำนักพุทธฯ จึงแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมได้ประสานไปอีกครั้งหนึ่ง ล่าสุดจึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดี โดยประชาชนที่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย
 
                  "ขณะนี้ ทางคณะสงฆ์จึงร่วมกันสรุปว่า หลวงปู่พุทธะอิสระได้ทำผิดพระธรรมวินัยของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) เนื่องจากได้ชุมนุมและชักชวนประชาชนให้ทำผิดกฎหมายและล่าสุด ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งหมายเรียกให้หลวงปู่พุทธะอิสระมาให้ปากคำในข้อหากบฏ จึงถือว่าหลวงปู่ฯ มีความผิดทั้งธรรมวินัยและกฎหมายอย่างชัดเจน จึงขอชี้แจงว่า ทางสำนักพุทธไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด" นายนพรัตน์ กล่าว
 
                  เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาชัดเจน ทำไมจึงไม่ดำเนินการให้หลวงปู่ฯสึกออกไป นายนพรัตน์ กล่าวว่า ในเรื่องการสึกมีกฎหมายรองรับชัดเจนมาก ถ้าพระรูปใดทำผิดกฎหมายอาญา เมื่อจับกุมแล้ว หากเห็นว่า ไม่สมควรให้ประกันตัวจึงสามารถทำการสึกได้ทันที 
 
                  เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้หลวงปู่ฯ อยู่ในกทม.ทำไมจึงไม่ดำเนินการจับกุม นายนพรัตน์ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะจับกุมตามพยานหลักฐาน ส่วนกระบวนการทางพระธรรมวินัย ทางคณะสงฆ์ยืนยันว่า หากกระทำผิดตามกฎหมายก็ถือว่าทำผิดตามพระธรรมวินัยด้วย จึงขอเรียนว่าสำนักพุทธฯ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ มีหน้าเพียงประสานระหว่างเจ้าคณะปกครองในกรุงเทพฯกับเจ้าคณะปกครองจังหวัดนครปฐมเท่านั้น
 
 
 
 
ศาลนัดฟังคำสั่งหมายจับ"หลวงปู่พุทธะอิสระ"6ก.พ.
 
 
                  เมื่อเวลา 09.30 น.ศาลไต่สวนคำร้อง ที่ พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ยื่นขออนุมัติหมายจับ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาส วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ปรึกษา กปปส.แจ้งวัฒนะ ซึ่งมีพฤติการณ์ขัดขวางการจัดเลือกตั้ง โดยนำมวลชน กปปส.ไปแยกหลักสี่ ปิดล้อมหน้าสำนักงานเขตหลักสี่
 
                  โดยวันนี้ ผู้ร้องนำพยานเบิกความ รวม 3 ปาก ประกอบด้วย พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 และ ด.ต.นันทวัชร์ ประสิทธิวิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์นอกจากได้นำพยานเอกสาร โดยมีการนำภาพถ่าย รวมทั้งภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมและหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่มีพฤติการณ์ขัดขวางการเลือกตั้ง ยื่นต่อศาลเพื่อประกอบการไต่สวนวันนี้ด้วย
 
                  ขณะที่ พยานทั้งสาม เบิกความทำนองเดียวกันว่า วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า หลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชนกปปส.ไปชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่ จึงเดินทางไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เมื่อไปถึงพบการ์ดผู้ชุมนุม กปปส.นำรถบรรทุก 6 ล้อ มาปิดกันบริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 และมีการขึงตาข่ายโดยรอบพื้นที่ พร้อมทั้งมีการ์ดกปปส.คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณ ประตูทางเข้า-ออกสำนักงานเขตหลักสี่ทุกด้าน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตหลักสี่เข้าไปภายในสำนักงานเขตหลักสี่ได้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักกางเต้นท์นอนอยู่หน้าสำนักงานเขตหลักสี่ด้วย จากนั้นจึงแจ้งให้การ์ดผู้ชุมนุมทราบว่า จะขอเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระขอเจรจา แต่ว่าถูกการ์ดขัดขวางไม่ให้เข้าพบ ทำให้ไม่สามารถเจรจาเพื่อขอเปิดทางได้ ต่อมาวันที่ 26 ม.ค.มีประชาชนเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ถูกผู้ชุมนุมและการ์ดขัดขวางจนไม่สามารถเข้าไปลงคะแนนเลือกตั้งได้ กระทั่งผู้อำนวยการเขตหลักสี่ได้แจ้งงดการเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากมีมวลชนปิดล้อมอยู่เกรงจะเกิดอันตรายกับประชาชนและทำให้ทรัพย์สินของราชการเสียหาย หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงพากันเดินทางกลับไปชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะเช่นเดิม 
 
                  ต่อมา ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปหลวงปู่พุทธอิสระยังได้นำมวลชนมาปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งอุปกรณ์การเลือกตั้งและหีบบัตรเลือกตั้งทั้งหมดที่จะต้องกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ถูกเก็บไว้ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ และเจ้าหน้าที่จะต้องทำการขนย้ายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 2 ก.พ.ซึ่งพยานที่เป็นเจ้าพนักงานดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้ง พร้อม ผบก.น.2 และผู้เกี่ยวข้องจึงได้เข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ เพื่อเจรจาขอเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ขนหีบบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้งที่อยู่ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ โดยพบว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้า-ออกสำนักงานเขตหลักสี่ได้และยังมีการนำรถบัสมาปิดขวางทางเข้าสำนักงานเขตหลักสี่ด้วย
 
                  โดยมีการประสานกับการ์ดว่า จะเข้าไปพบเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระ นำกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่นั้นมีจุดประสงค์อะไร เพราะทางสำนักงานเขตหลักสี่ต้องจัดการเลือกตั้ง ก็ได้รับคำตอบจากหลวงปู่พุทธะอิสระว่า ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้ง เข้า-ออกหรือนำอุปกรณ์การเลือกตั้งออกไป เพราะไม่ต้องการให้มีการเลิกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนผลไม้ที่มีพิษ จึงไม่อยากที่จะให้ประชาชนได้กิน ซึ่งทำให้การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ จนทางผอ.เขตหลักสี่จึงต้องประกาศงดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.
 

 

 

"พุทธะอิสระ"ยัน"พศ.ไไม่มีอำนาจจับสึก ย้ำ"รธน."ให้สิทธิชุมนุมอยู่เหนือกฎหมายสงฆ์ 

 
                  หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวถึงกรณีที่นายนพรัตน์ ระบุว่า เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมมีมติว่า หลวงปู่ฯทำผิดพระธรรมวินัยของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สืบเนื่องจากการชุมนุมและชักชวนประชาชนให้ทำผิดกฎหมายกรณีขัดขวางการเลือกตั้ง ว่า อาตมาไม่ให้ราคา พศ.เพราะหากสามารถดำเนินการกับอาตมาได้ตามกฎหมายจริงก็คงจัดการไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้มานำการชุมนุมนานถึง 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิดพระธรรมวินัยข้อใด และหากเห็นว่า ผิดวินัยข้อใดก็ขอให้ระบุมาให้ชัดเจน ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นหนังสือตักเตือนจากเจ้าคณะจังหวัด เพราะไม่ได้อยู่จำวัดเลยไม่ทราบว่ามีหนังสือส่งไปถึงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การอ้างทำผิดวินัยของมหาเถรฯหากเทียบกับรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุดแล้วก็ถือว่าอาตมาไม่ได้ทำผิด เพราะตามรัฐธรรมนูญระบุให้บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันในการแสดงความเห็นทางการเมือง ดังนั้นกฎหมายอื่นที่ขัดกับรัฐธรรมนูญถือเป็นโมฆะ
                  
                  “พศ.ไม่มีอำนาจสึกอาตมา ส่วนเจ้าคณะจังหวัดก็คงไม่กล้าดำเนินการอะไร เพราะเป็นคู่ปรับเก่าคงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ซึ่งการออกมาให้ข้อมูลดังกล่าวยอมรับว่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์การชุมนุมและทำให้ศิษย์หลายคนเป็นห่วง เป็นการออกมาสร้างข่าวเพื่อสร้างความกังขากับสังคม ทั้งนี้ ตามกฎหมายหากจะสึกพระได้ก็ต่อเมื่อต้องคดีอาญามาตราใด มาตราหนึ่งและคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ขณะนี้คดีเพิ่งจะเริ่มต้นการขอออกหมายจับ ซึ่งหากศาลอนุมัติหมายจับก็ต้องมอบอำนาจให้ทนายความไปร้องขอถอนหมายจับและต่อสู้คดีกันต่อไปจนถึงที่สุด” หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว
 
                  หลวงปู่ฯ กล่าวต่อว่า ล่าสุด อาตมาถูกตั้งค่าหัวจากนักการเมืองจังหวัดราชบุรีราคาสูงถึง 20 ล้านบาท โดยส่งกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งชายและหญิงเข้ามาแฝงตัวเป็นการ์ดและพยายามหาจังหวะมาทำงานใกล้ชิดและมีพฤติกรรมปั่นป่วนทำให้ภาพลักษณ์การชุมนุมเสียหาย เช่น การขู่สื่อมวลชนและผู้ชุมนุมและชาวบ้านรอบพื้นที่การชุมนุม อย่างไรก็ตาม อาตมาได้ถ่ายภาพและส่งข้อมูลไปยังกปปส.เวทีอื่น เพื่อให้เฝ้าระวังและได้ขับไล่ออกจากพื้นที่ไปแล้ว แต่ยังเหลือกลุ่มต้องสงสัยอีก 5-6 ราย ที่มีพฤติกรรมคอยส่งข่าวและล็อกเป้าแกนนำหมายจะเอาชีวิตด้วย
 
                  หลวงปู่ฯ กล่าวต่ออีกว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. ได้นัดกรมการกงสุลเข้ามาเจรจา เพื่อจะทำข้อตกลงเปิดพื้นที่ให้บริการประชาชน และในเวลา 14.30 น. ได้นัดหมายกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าพบเพื่อจะเปิดให้ข้าราชการกกต.เข้ามาทำงานได้ในศูนย์ราชการ อาคารบี ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะส่งพ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เข้าพบเพื่อเจรจาขอคืนพื้นที่ดีเอสไอ อาตมายังไม่ได้รับการติดต่อ แต่หากติดต่อมาก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้เข้าพบ
 

                  ด้าน พ.ต.ท.ถวัล กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ไปเจรจาขอความเมตตาจากหลวงปู่ฯ เพื่อขอเปิดทำการดีเอสไอ โดยจะนำข้อมูลประกอบการชี้แจง เพื่อให้รับทราบว่า ดีเอสไอไม่ได้ทำเฉพาะคดีการเมืองหรือการชุมนุมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีงานในส่วนการช่วยเหลือประชาชน และคดีอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนอีกมาก เช่น คดีฉ้อโกง หลอกลวงประชนของกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ซึ่งสถานการณ์ชุมนุมขณะนี้เริ่มผ่อนคลายลงแล้วจึงจะขอให้หลวงปู่ฯ กำหนดเงื่อนไขและมาตรการเข้า-ออกพื้นที่เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายภายหลังเบิกความเสร็จสิ้นในเวลา 14.00 น.เศษ ศาลได้นัดฟังคำสั่งว่า จะอนุมัติหมายจับหลวงปู่พุทธะอิสระหรือไม่ ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น.

 

เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมแจ้งเตือนแล้ว

                 นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้รับทราบว่าคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ได้แจ้งเตือนไปยังหลวงปู่พุทธอิสระแล้ว กระบวนการจากนี้ต้องดูทั้ง 2 ทางทั้งทางคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมือง โดยที่ผ่านมาฐานความผิดทางบ้านเมืองชี้ออกมาว่า  เป็นกบฏ ชุมนุมเกิน 10 คน ขัดขวางการเลือกตั้ง ทำลายทรัพย์สิน ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 113,114,116  ซึ่งโทษทางอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถที่จะดำเนินการจับกุมได้ แต่เมื่อจับแล้วขึ้นอยู่ในดุลยพินิจ โดยจะให้ประกันตัวหรือไม่ หรือให้เจ้าอาวาสมารับตัวไปควบคุม หากเจ้าอาวาสไม่มารับตัว ก็สามารถดำเนินการสึกได้เลย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่า จะชี้มูลความผิดอย่างไร อย่างไรก็ตาม การไปชุมนุมทางการเมืองถือว่า ฝ่าฝืนคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538 โดยโทษทางการปกครอง จะมีตั้งแต่ระดับการตักเตือน หากตักเตือนแล้วไม่ฟัง ก็จะมีมาตรการขับออกจากวัด หากหาสังกัดใหม่อยู่ไม่ได้ตามกำหนดระยะเวลา ก็ต้องดำเนินการสึก

 
 
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ