Lifestyle

ทำมาหากิน : 'กาแฟป่าฅนกะเหรี่ยง'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำมาหากิน : ผลิตภัณฑ์ 'กาแฟป่าฅนกะเหรี่ยง' สินค้าแฮนด์เมดฝีมือคนชายขอบ : โดย...สุรัตน์ อัตตะ

 

                                ไม่ใช่นิยมปลูกกันในพื้นที่ภาคใต้ แต่ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก็เป็นอีกแหล่งที่มีการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้ากันมาในหมู่ชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและมีการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าเป็นอาชีพหลักมาหลายสิบปีโดยปลูกตามสภาพธรรมชาติ ปะปนกับไม้ป่าและไม้ผลอื่นๆ ในรูปแบบ “วนเกษตร”

                                แต่ทว่าปัญหาของผลผลิตกาแฟที่นี่มีคุณภาพต่ำและปริมาณน้อย โดยจำหน่ายให้แก่พ่อค้าที่มารับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 4 บาทเท่านั้น จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง จ.กาญจนบุรี กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้เร่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตกาแฟโรบัสต้าในพื้นที่ดังกล่าว ให้สามารถช่วยฟื้นฟูอาชีพให้แก่เกษตรกรและทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น

                                ประสาธน์ คำชื่น ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง จ.กาญจนบุรี เผยว่า ในอดีตชาวกะหรี่ยงในพื้นที่ ต.ไล่โว่ ส่วนใหญ่ปลูกกาแฟโรบัสต้าแบบไม่จริงจัง โดยปลูกตามหัวไร่ปลายนา ปลูกแซมป่าธรรมชาติ และขาดระบบการจัดการที่ดี ทำให้ผลผลิตไม่มีคุณภาพและถูกกดราคารับซื้อ ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง จ.กาญจนบุรีได้เข้าช่วยเหลือโดยกำหนดแนวทางการพัฒนากาแฟป่า เพื่อยกระดับคุณภาพผลผลิตกาแฟของเกษตรกรใน ต.ไล่โว่ เริ่มจากส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มผู้ปลูกกาแฟ อีกทั้งยังได้จัดฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตกาแฟโรบัสต้าที่เหมาะสมไปสู่สมาชิกกลุ่มเกษตรกร ตั้งแต่การปลูก การจัดการ การเก็บเกี่ยว การดูแลหลังการเก็บเกี่ยว ตลอดจนการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟด้วย

                                "ที่ผ่านมา ศูนย์ได้ผลิตต้นพันธุ์กาแฟโรบัสต้าพันธุ์ดีและมอบให้สมาชิกกลุ่มเกษตรกรชาวกะเหรี่ยงใน ต.ไล่โว่ไปปลูกรวมไม่น้อยกว่า 10,000 ต้น พร้อมสนับสนุนปัจจัยการผลิตต่างๆ เพื่อให้กลุ่มใช้ดำเนินงานด้วย"

                                ประสาธน์ เผยอีกว่า ปัจจุบันพื้นที่ ต.ไล่โว่มีเนื้อที่ปลูกกาแฟโรบัสต้า ประมาณ 300-500 ไร่ เกษตรกรสมาชิกว่า 200 ราย ซึ่งศูนย์ได้พัฒนาจุดเด่นของกาแฟป่าเป็น กาแฟอินทรีย์ ไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีความปลอดภัย ทำให้ขายได้ราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ชาวกะเหรี่ยงที่ปลูกกาแฟมีรายได้เพิ่มขึ้น

                                นอกจากพัฒนาด้านการผลิตแล้ว ศูนย์ยังได้ส่งเสริมด้านการแปรรูปด้วย เน้นให้กลุ่มเกษตรกรคงความเป็นกาแฟป่าเพื่อรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ซึ่งการคั่วกาแฟทุกขั้นตอนใช้มือทำทั้งหมด ตั้งแต่คัดเลือกเฉพาะเมล็ดกาแฟที่สมบูรณ์และสุกเต็มที่มาแปรรูป โดยนำเมล็ดกาแฟที่คัดเลือกแล้วใส่กระทะคั่ว ใช้ฟืนหรือถ่านให้ความร้อน โดยควบคุมความร้อนให้เมล็ดกาแฟได้รับความร้อนสม่ำเสมอเท่ากันทุกเมล็ด ทำให้กาแฟคั่วที่ได้มีรสชาติดีและมีความหอม เป็นสินค้าแฮนด์เมดอย่างหนึ่งที่มีเสน่ห์และหาดูได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตกาแฟส่วนใหญ่นิยมใช้เครื่องจักรในการคั่วกาแฟ

                                ผอ.ศูนย์คนเดิมแจงรายละเอียดต่อว่า สำหรับกาแฟหนึ่งต้นจะให้ผลผลิตประมาณ 30-40 กิโลกรัม/ปี ซึ่งเกษตรกรจะมีการผลิตเป็นกาแฟกะลาจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางที่เข้าไปรับซื้อในพื้นที่ ราคาปี๊บละกว่า 200 บาท ขณะเดียวกันกลุ่มเกษตรกรยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟ 2 รูปแบบ ได้แก่ เมล็ดกาแฟคั่ว และกาแฟผง ภายใต้แบรนด์ “กาแฟป่าฅนกะเหรี่ยง” ส่งจำหน่ายในร้านค้าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของ จ.กาญจนบุรี และศูนย์สินค้าโอท็อปของ จ.กาญจนบุรีด้วย โดยกาแฟผงจำหน่ายถุงละ 110 บาท และเมล็ดกาแฟคั่วถุงละ 50 บาท

                                อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศูนย์ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก จ.กาญจนบุรีให้ก่อสร้างร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าของเกษตรกร โดยจะเปิดให้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟใน ต.ไล่โว่นำผลิตภัณฑ์กาแฟป่าฅนกะเหรี่ยงมาวางจำหน่ายด้วย ถือเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดและขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น สนใจผลิตภัณฑ์ “กาแฟป่าฅนกะเหรี่ยง”ติดต่อได้ที่ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูง จ.กาญจนบุรี กรมส่งเสริมการเกษตร

 

 

------------------------

(ทำมาหากิน : ผลิตภัณฑ์ 'กาแฟป่าฅนกะเหรี่ยง' สินค้าแฮนด์เมดฝีมือคนชายขอบ : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ