พระผงสุริยัน-จันทรารุ่นแรก'ค่านิยมปี๓๐-๕๖'

          “วัตถุมงคลหลักเมืองนครศรีธรรมราช” และ “เครื่องรางของขลัง” ทั้งหลายเป็นสิ่งที่ “องค์จตุคามรามเทพ” เป็นผู้กำหนดให้สร้างขึ้นตามปรากฏการณ์ของดวงดาวในท้องฟ้า ที่ส่งกระแสลงมาสัมพันธ์กับดวงชะตาบ้านเมือง เพื่อช่วยบรรเทาภัยพิบัติและส่งเสริมโชควาสนาของผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใส การกำหนด “ฤกษ์พานาที” และการทำพิธี “ปลุกเสก”

          “วัตถุมงคลหลักเมืองนครศรีธรรมราช” รุ่นแรกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัตถุมงคลให้แก่ผู้ที่ช่วยเหลือในการสร้างหลักเมืองเป็นการตอบแทน และให้ผู้ที่มีความประสงค์จะมีส่วนร่วมในการสร้างหลักเมืองเช่าไปบูชาในราคาย่อมเยาเพียงองค์ละ ๑๒ บาท ๒๔ บาท ๔๙ บาท

          พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมธิกุล อดีตผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชและผู้จัดทำวัตถุมงคลต่างๆ ของหลักเมืองมาตั้งแต่ต้น อธิบายให้ฟังว่า ปรัชญาราหูอมพระอาทิตย์ อมพระจันทร์ ในระบบสุริยะจักรวาล โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ ในเวลาเดียวกันดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและหมุนไปรอบโลก พร้อมทั้งโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ด้วย พัวพันกันอยู่อย่างนี้ ในบางครั้งมีการบังแสงกันทำให้เกิดจันทรุปราคา และสุริยุปราคา แต่ในปรัชญาว่าด้วยการกำเนิดสรรพสิ่งขึ้นมาในโลก และหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเป็นวงจรวัฏจักรนั้น เขาถือว่าโลกของเราได้รับแต่เพียงแสงอาทิตย์และแสงจันทร์เท่านั้น

          ส่วนแสงอื่นจากภายนอกส่องเข้ามาไม่ถึงพื้นผิวโลก แม้แต่แสงจันทร์แท้จริงก็เป็นแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ จึงสรุปว่า ถ้าโลกของเราไม่ได้รับแสงอาทิตย์และแสงจันทร์แล้ว ก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในโลกได้เลย คงอ้างว้างว่างเปล่าเหมือนดังดาวเคราะห์อื่น จึงถือว่าแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ มีคุณค่าอันใหญ่หลวงต่อมวลชีวิตและธรรมชาติในโลก ดวงชะตาคนเรา ถ้าดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ไม่ดีแล้ว อย่าหวังว่าจะมีบุญวาสนาเจริญรุ่งเรืองมั่งมีศรีสุขได้

          ด้วยหลักการดังกล่าวนี้ องค์จตุคามรามเทพ จึงขอให้ พล.ต.ท.สรรเพชญ จำลองโครงสร้างของสากลจักรวาล อันประกอบด้วยกาแล็กซีของกลุ่มดาว ๑๒ นักษัตร ระบบสุริยะจักรวาล โดยมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ให้สอดคล้องกับทฤษฎีโหราศาสตร์ที่กล่าวเป็นปริศนาว่า “อาทิตย์เป็นพ่อ จันทร์เป็นแม่ ราหูเป็นลูก” เพื่อสร้างแม่พิมพ์ พระผงสุริยัน-จันทรา เป็นของสมนาคุณให้แก่ผู้ที่ช่วยเหลือในการสร้างหลักเมือง

          พล.ต.ท.สรรเพชญ ยังบอกด้วยว่า ถ้าสังเกตให้ดี แม่พิมพ์พระผงสุริยัน เป็นรูปพระหูตัวผู้ แม่พิมพ์พระผงจันทรา เป็นรูปพระราหูตัวเมีย สอดคล้องกับระบบสุริยคติ และระบบจันทรคติ รูปพระราหูไม่ว่าตัวผู้ตัวเมีย อย่าเข้าใจทึกทักว่าเป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นผีโขมด เหมือนดังพระราหูในพระไตรปิฎกของศาสนาพุทธ หรือในตำราโหราศาสตร์ แต่รูปพระราหูในแม่พิมพ์พระผงสุริยัน-จันทรา ของหลักเมืองนครศรีธรรมราช เป็นสัญลักษณ์แทนความหมายของเงาดาวพระเคราะห์ทั้งหลายในจักรวาล ซึ่งต้องได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ จึงสะท้อนแสงมายังโลกของเราได้ ถ้าปราศจากเงาเสียแล้วโลกของเราไม่มีหนทางใดจะดึงดูดกระแสธาตุจากชั้นบรรยากาศธาตุลงมาปรุงแต่งแปลงภาพกับระบบธาตุในโลกเพื่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติได้เลย

          ดังนั้นในโอกาสที่องค์จุตคามรามเทพประกอบพิธีเบิกเนตรหลักเมือง ในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๔ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๐ หลังจากอาจารย์มนตรี จันทพันธ์ ได้พยายามแกะสลักแม่พิมพ์พระผงสุริยัน-จันทรา ตามที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้ออกแบบไว้เสร็จสิ้น ส่วนผสมสำคัญของมวลสารที่แท้จริงคือ ผงยันต์ขององค์จตุคามรามเทพที่เขียนขึ้นตามฤกษ์ยามตามฤทธานุภาพของดวงดาวในท้องฟ้า ลงบนแผ่นกระดาษหรือแผ่นผ้าแล้วนำไปเผาให้ไหม้ เอาขี้เถ้าของผงยันต์นั้นมาเป็นส่วนผสมสำคัญของพระเนื้อผง ข้าวสุก เกลือ น้ำตาล กล้วยน้ำว้า นมสด น้ำผึ้งรวง ผลกะลาตาเดียว ดอกไม้มงคล เช่น ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ดอกรัก เป็นต้น ดินหัวใจเมือง ปูนเปลือกหอย น้ำ ๔ ท่า ผงทอง ผงเงิน ผงนาค ผงยันต์ที่จตุคามรามเทพเขียนแล้วเผาเป็นเถ้า ผงไม้ตะเคียนทองหลักเมือง

          สำหรับการสร้างพระผงสุริยัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕ เซนติเมตร พระผงจันทรา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔ เซนติเมตร ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีแดง สีดำ หรือสีน้ำตาล เปลือกมังคุด จะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายรูปจานรับสัญญาณจากดาวเทียมในปัจจุบัน ซึ่งในสมัย พ.ศ.๒๕๓๐ ยังไม่มีใครรู้จักจานรับสัญญาณดาวเทียมจึงไม่มีใครคิดว่าพระผงสุริยัน-จันทรา องค์จตุคามรามเทพมุ่งหมายให้เป็นเหมือนจานดาวเทียม คอยดูดซับรับรัศมีดวงดาวในชั้นฟ้า ให้ถ่ายเทพลังอำนาจเข้าสู่เรือนกายของผู้ศรัทธาเลื่อมใส เพื่อช่วยบันดาลให้บังเกิดความโชคดีหรือคอยปกป้องคุ้มครองความโชคร้ายและอันตรายทั้งปวง

ค่านิยม พ.ศ. ๒๕๕๖

          นายนเดช รักษ์ชูชีพ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้จตุคามรามเทพปี ๒๐๐๗ หรือ "ธนเดชจตุคามฯ" บอกว่า การขายจตุคามฯ ปี ๓๐ ยังคงมีอยู่และไม่ได้มีการลดราคาลงแต่อย่างใด แต่ไม่มากเหมือนเช่นในยุคจตุคามฯ เฟื่องฟู รวมทั้งรุ่นดังอื่นๆ ยังพอมีการถามหากันอยู่ ทั้งนี้ จากการติดตามข่าวการซื้อจตุคามฯ สิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจ คือ แม้ว่าจตุคามฯ ขายไม่ได้ แต่ไม่มีใครลดราคาจตุคามฯ เพื่อให้ขายได้ ราคาจตุคามฯ ยังเท่าเดิม ส่วนทางกับความศรัทธาที่ลดลง สำหรับจตุามฯ สร้างใหม่ที่ขึ้นชื่อว่าขายได้ต้องยกให้จตุคามฯ ที่จัดสร้างโดย พล.ต.ท.สรรเพชญ เกิดจากจิตศรัทธาอย่างแรงกล้าของท่าน ทุกรุ่นล้วนได้รับความนิยมจากผู้คนที่ศรัทธาในสายนี้อยู่เสมอ

          พ.อ.อ.โกวิท แย้มวงษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "จ่าโกวิท" บรรณาธิการนิตยสาร "พระเครื่องอภินิหาร" และเจ้าของศูนย์ "พระเครื่องอภินิหาร" บอกว่า จตุคามฯ รุ่นล่าสุดที่ขายออกไป คือ รุ่นโคตรเศรษฐี โดยขายในราคาเดิมที่ตั้งไว้ในยุคจตุคามฯ เฟื้องฟู ส่วนปี ๓๐ ที่เคยได้ยินมีการซื้อขายกันในราคาหลักแสนกลางๆ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าผู้ที่ร้อนเงินอาจจะลดราคาลงมาพอสมควร แต่ตนเองไม่ยอมขายลดราคาสักรุ่น ด้วยเหตุที่ว่า ไม่อยากซ้ำเติมตลาดจตุคามฯ ที่ขึ้นชื่อว่าขาลงสุดๆ ที่สำคัญคือ ไม่อยากให้ใครคิดว่าองค์พ่อจตุคามฯ ไปแล้ว ไม่อยู่ช่วยเราแล้ว ซึ่งความจริงท่านยังอยู่กับเรา มูลค่าจตุคามฯ ที่มีอยู่หลายล้านบาทนั้น ไม่เคยมีความคิดที่จะขายเทขายทิ้งในราคา เพราะไม่ได้เอาเงินที่ไหนไปซื้อหากเป็นผลกำไรจากการขายจตุามฯ ทั้งสิ้น

          ด้าน น.ส.จีราภรณ์ ยาจันทา หรือ "เจ๊ดา" เจ้าของศูนย์พระเครื่อง "มหาเมตตาพระเครื่อง" เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน บอกว่า ไม่ได้ยินคำว่า จตุคามรามฯ มาน่าจะเกือบปีแล้ว ทั้งที่เป็นรุ่นเก่าและรุ่นดังในอดีต ลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านไม่มีใครถามหาถึงจตุคามฯ เลยสักรุ่น ไม่ว่าวัด หรือใครเป็นผู้สร้าง รวมทั้งจุดประสงค์การจัดสร้างดีเพียงใดก็ตาม ทั้งนี้ ลูกค้าจะถามหาเฉพาะพระเกจิเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งที่เป็นเหรียญและเครื่องราง แต่ถ้าเป็นพระเกจิที่เป็นเนื้อผง และมีลักษณะทรงกลมเหมือนจตุคามฯ ผู้เช่าก็ไม่ให้ความสนใจเช่นกัน ส่วนจตุคามฯ ที่เก็บไว้แม้ว่าจะมีมูลค่าหลักล้านบาท แต่ก็ไม่คิดที่จะออกมาเทขายทิ้ง หรือขายลดราคาอย่างแน่นอน