Lifestyle

กาแฟ'โรบัสต้า'น่าเป็นห่วง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รู้มาเล่าไป : กาแฟ 'โรบัสต้า' น่าเป็นห่วง : โดย ... ดลมนัส กาเจ

          ช่วงที่ผ่านมา ได้พูดถึงการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศในอาเซียนของเรา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพันธุ์ของมาเลเซีย เพื่อส่งออกไปญี่ปุ่น การพัฒนาคุณภาพด้านพืชผักและผลไม้ของฟิลิปปินส์ เพื่อส่งออกไปยังสิงคโปร์ และการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวของกัมพูชา ซึ่งล้วนแต่จะส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าเกษตรของไทยทั้งสิ้น

          เคยพูดหลายครั้งครับว่า ภาคการเกษตรของไทยเราน่าเป็นห่วงยิ่ง เป็นที่เกษตรกรของเราไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมเดิม โดยเฉพาะการปลูกพืชเศรษฐกิจ ชอบทำตามคนอื่นที่เห็นว่าผลผลิตขายได้ราคา จึงแห่กันปลูกพืชชนิดเดียวกัน สุดท้ายเกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด และทำให้ราคาสินค้าตกต่ำ จบท้ายด้วยการก่อม็อบ ชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยประกันราคา ที่เลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อเกิดโรคจะบาด จะสิ้นเนื้อประดาตัวยกโขยง

          ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ครับ ดูเหมือนว่าจะไม่เข็ด ที่เห็นชัดคือเกษตรกรที่ปลูกกาแฟ โดยเฉพาะพันธุ์ "โรบัสต้า" ในภาคใต้ ซึ่งมีมากที่สุดที่ จ.ชุมพร ระนอง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ตอนนี้พอเห็นว่าปาล์มน้ำมันและยางพาราขายได้ราคาดี ยอมตัดต้นกาแฟทิ้งจนเกลี้ยง

          กาแฟในโลกนี้มี 2 สายพันธุ์ คือ โรบัสต้า จะปลูกในพื้นที่ราบ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากนัก บ้านเรานิยมปลูกทางภาคใต้ กาแฟสายพันธุ์นี้ผู้ประกอบการรับซื้อเพื่อนำไปแปรรูปเป็นกาแฟสำเร็จรูป และอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ อาราบิก้า ที่ปลูกในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 400 เมตรขึ้นไป นิยมปลูกตามดอยในภาคเหนือ กาแฟพันธุ์นี้นิยมผลิตเป็นกาแฟสดสูตรต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในขณะนี้

          การโค่นต้นกาแฟเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพาราในขณะนี้ เข้าขั้นวิกฤติครับ หากดูข้อมูลจากที่ท่านอธิบดีกรมวิชาการเกษตร "จิรากร โกศัยเสวี" ท่านบอกว่า สถานการณ์พื้นที่กาแฟไทยปัจจุบันลดพื้นที่ปลูกลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกาแฟโรบัสต้าในภาคใต้ จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ปี 2555 เนื้อที่ให้ผลผลิตทั้งประเทศเหลือเพียง 302,000 ไร่ เพียงปีเดียวคือลดลงจากปี 2554 ถึง  2 หมื่นไร่ คิดเป็น 6.21% เพราะเกษตรกรนำพื้นที่ไปปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันแทน 

          อย่าลืมครับว่า บ้านเรามีความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเพื่อใช้บริโภคภายในประเทศสูงถึงปีละ 6.2 หมื่นตัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตกาแฟโรบัสต้าเพียง 4.61 ตันเท่านั้น

          สถานการณ์เช่นนี้น่าห่วงที่ว่า เพราะคนไทยเราขยายการดื่มกาแฟมากขึ้น แต่พื้นที่การปลูกน้อยลง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ที่เราจะต้องมีการนำเข้ากาแฟสำเร็จรูปจากต่างประเทศมากขึ้น แต่ก็ยังดีครับที่อีก 3 ปี เราจะมีการร่วมประเทศเป็นอาเซียนหนึ่งเดียว หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะทำการภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา (AFTA) อัตราภาษีเหลือ 0% สำหรับกาแฟสำเร็จรูป ทำให้การนำเข้าราคาอาจไม่สูงนัก เงินตราหลั่งไหลไปต่างประเทศไม่มากนัก   

          ในที่สุดทางกรมวิชาการเกษตรต้องหาช่องทางเพื่อเร่งปรับปรุงยุทธศาสตร์กาแฟใหม่ให้สอดรับกับสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาระบบการผลิตสินค้ากาแฟไทยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและตรงตามความต้องการของตลาดต่อไปครับ !

 

 

----------

(หมายเหตุ : รู้มาเล่าไป : กาแฟ 'โรบัสต้า' น่าเป็นห่วง : โดย ... ดลมนัส กาเจ)

----------

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ