Lifestyle

ปราชญ์แห่งน้ำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปราชญ์แห่งน้ำ:คลินิกคนรักบ้าน โดย... อ.เชี่ยว

           ในวิกฤติการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายสักเท่าใด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับรู้รับทราบและได้สัมผัสในช่วงวิกฤติน้ำท่วมคือ ความมีน้ำใจของคนไทยที่พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ประสบทุกข์จะมากบ้างน้อยบ้างตามกำลังที่มี  การร่วมแรงร่วมใจกันของคนไทยในลักษณะนี้ ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีชาติใดเสมอเหมือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่คนในหมู่บ้านร่วมแรงร่วมใจกันเข้าไปเยียวยา แก้ไขปัญหาโดยใช้ภูมิปัญญาและทรัพยากรของพวกเขาเอง
 
          บางครั้งเชื่อไหมครับ ว่าทางออกของปัญหาที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดก็มีคำตอบอยู่ที่การระดมสติกำลังความรู้ความสามารถของบรรดาคนในหมู่บ้านนั้นแหละครับ  เพราะคนในหมู่บ้านย่อมรู้จัก  “ภูมิบ้าน ภูมิเมือง ภูมิสังคม” ของพวกเขาดี และผมเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่า การจะพลิก “วิกฤติ” ที่หนักหนาสาหัสครั้งนี้ให้เป็น “โอกาส”  ปรับเปลี่ยนจากการเป็น “ผู้ประสบภัย” จากน้ำท่วม เป็น “ผู้มีประสบการณ์”  เปลี่ยนจาก “ปัญหา” ให้กลายเป็น “ปัญญา”     
 
          รวมทั้งอาศัยวิสัยทัศน์ที่มาจากสายพระเนตรอันยาวไกลของ “พ่อหลวง” เป็นกรอบทางความคิดเดินตามแนวพระราชดำริ ที่ผมมักเรียกเสมอว่า เป็น “ศาสตร์พระราชา” น้อมนำมาเป็น “หลักชัย”  ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดเรื่อง แก้มลิง,  ฟลัดเวย์ และ  กรีนเบลท์  ตลอดไปจนวิธีคิดที่เข้าใจ เข้าถึงธรรมชาติของน้ำ 
 
          สำหรับผมแล้วเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นเรื่องฉกรรจ์ที่สำคัญยิ่งของสังคมไทย เพราะผมเคยกล่าวไว้ว่า สังคมไทยนั้นถึงแม้ว่ามีความต้องการที่จะทันสมัยสักเพียงใดแต่จะต้องไม่ลืมว่าเป็นสังคมที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของ “วัฒนธรรมน้ำ”  และ “วัฒนธรรมข้าว”  มานานนับพันปี หากคนไทยลืม “ราก” นี้เมื่อไหร่ก็จะเสียหายกันแหลกลานนับล้านล้านบาทดังที่เป็นอยู่
 
          คิดไปคิดมาก็รู้สึกชื่นใจครับที่เมืองไทยมีองค์พระประมุขที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลกว่าทรงเป็น “ปราชญ์แห่งน้ำ”  จากช่วงระยะเวลาการครองแผ่นดินโดยธรรมอันยาวนานกว่า 65 ปี (ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489) จะเห็นได้ว่าพระองค์ท่านทรงทุ่มเทพระวรกายศึกษาค้นคว้าศาสตร์ที่เกี่ยวกับน้ำในทุกมิติเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งผมเชื่อว่าในโลกนี้ (ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย) จะหาผู้ที่รู้ลึกและรู้กว้างเกี่ยวกับ “ชลศาสตร์” เสมอเหมือนพระองค์ท่านคงจะหายาก ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก 
 
          จะว่าไปแล้วบทเรียนครั้งนี้มีราคาแพงมากครับ ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่าสังคมไทยต้องพลิก “วิกฤติ” ให้เป็น “โอกาส” พลิกจาก “ผู้ประสบภัย” ให้เป็น  “ผู้มีประสบการณ์” พลิก “ปัญหา” ให้เป็น “ปัญญา” เดินตาม  “ศาสตร์พระราชา” ผู้ทรงเป็น “ปราชญ์แห่งน้ำ” หากทำได้เช่นนี้ผมเชื่อว่าเราจะอยู่รอดปลอดภัยจากอุทกภัยในอนาคตอย่างแน่นอนครับ ยิ่งได้รับฟังพระกระแสฯ รับสั่งในวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่พระองค์ท่านได้พระราชทานแนวคิดย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจกันในการบริหารจัดการน้ำ น้ำตาก็มีท่าจะไหลออกมา เหตุผลง่ายๆ ที่ไม่น่าให้อภัยก็เพียงเพราะบรรดาผู้มีอำนาจวาสนาในสังคมไทยไม่เชื่อหรือละเลยในสิ่งที่ท่านทรงสอน ทรงเตือนพวกเรา ดังนั้น นับต่อแต่นี้ก็คงต้องท่องจำไว้เป็นบทเรียนครับ เพื่อที่จะไม่ผิดพลาดซ้ำอีก  
 
          ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขเพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา  ซึ่งคนไทยถือว่าเป็น “วันพ่อ”  ที่เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง ทำให้ผมรู้ว่านอกจาก “พ่อหลวง” ทรงเป็นศูนย์รวมแห่ง “ความสุข” ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะยากดีมีจนแล้ว  นอกจากนั้น ทำให้ผมเชื่อว่าเราจะมีวันพรุ่งนี้ที่ดีขึ้นกว่าวันนี้อย่างแน่นอน เพราะคนไทยโชคดีมีพระองค์ทรงเป็น “หลักชัย” ของ “ปราชญ์แห่งน้ำ” ขอ “ปราชญ์แห่งน้ำ” ของปวงชนชาวไทยทรงหายประชวรและทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

..........
(หมายเหตุ ปราชญ์แห่งน้ำ:คลินิกคนรักบ้าน โดย... อ.เชี่ยว)

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ