พระเครื่อง

"อาชีพซื้อขายพระอิสระเสรีไม่ต้องมีเจ้านาย"ดามพ์ สุพรรณ คนหนุ่มสายเลือดใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สุพรรณบุรี เป็นเมืองเก่าแก่แต่โบราณกาล มีอายุไม่ต่ำกว่า ๓,๕๐๐ ปี โบราณวัตถุที่ขุดพบ มีทั้งยุคหินใหม่ ยุคสัมฤทธิ์ ยุคเหล็ก และสืบทอดวัฒนธรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่ สมัยสุวรรณภูมิ ฟูนัน อมราวดี ทวารวดี ศรีวิชัย มาจนถึงสมัยสุพรรณบุรี

 ด้วยเหตุนี้ เมืองสุพรรณบุรี จึงมีโบราณสถาน โบราณวัตถุมากมาย รวมทั้งพระเครื่อง พระบูชา เทวรูป ที่มีการสร้างอย่างต่อเนื่องในทุกยุคทุกสมัย เป็นมรดกตกทอดมาสู่ลูกหลาน...จนทุกวันนี้

 ลูกหลานชาวสุพรรณ หากมีความสนใจในเรื่องพระเครื่อง พระบูชา เทวรูป รวมทั้งของเก่าต่างๆ จึงย่อมได้เปรียบกว่าคนในท้องถิ่นอื่นๆ เพราะสมบัติที่ได้มาจากแผ่นดินเมืองสุพรรณ มีมากมายให้ได้ศึกษาหาความรู้ ตลอดจนสามารถนำมาซื้อขายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล

 ดังจะเห็นได้จากวงการพระเครื่องเมืองไทยในทุกวันนี้ ที่มี เซียนพระ รุ่นใหม่ ที่เป็นลูกหลานชาวสุพรรณ ได้ประสบพบความสำเร็จในสัมมาอาชีพสายนี้ จนมีความเจริญก้าวหน้าอย่างน่าชื่นชม ซึ่งคอลัมน์นี้ได้นำมาเสนอไปแล้ว หลายคนด้วยกัน

 แล้ววันนี้...ก็มาถึงวาระของ รังสรรค์ ทับแก้ว หรือที่วงการพระรู้จักกันในนาม ดามพ์ สุพรรณ คนหนุ่มสายเลือดใหม่ ผู้ได้ชื่อว่า เล่นพระดี มีพระสวย และ รวยพระแท้ อีกคนหนึ่ง ผู้มีเส้นทางเดินสู่วงการพระเครื่องเมืองไทยที่น่าสนใจยิ่ง

 สมัยที่ยังเป็นเด็ก เรียนหนังสือที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย อันเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดสุพรรณบุรี จบชั้นมัธยมปลายแล้วก็ไปเรียนต่อที่ มศว ประสานมิตร ช่วงนั้นเริ่มศึกษาเรื่องพระเครื่องมาบ้างแล้ว เพราะเห็นผู้ใหญ่ที่สุพรรณเขาซื้อขายพระกันทั่วไป ก็เลยเข้าไปดูด้วยความสนใจ อาศัยว่าเมืองสุพรรณ มีพระกรุพระเก่ามากมาย โอกาสที่จะพบเห็นพระแท้จึงมีบ่อย บางครั้งจะขอความรู้จากคนรุ่นเก่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเมตตาแนะนำให้เสมอ

 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซียนพระรุ่นใหญ่ ท่านหนึ่งที่เคยขอความรู้จากท่าน ก็ได้รับความกรุณาอยู่เป็นประจำ คือ ตุ้ม ศรีประจันต์ ผู้ชำนาญพระเนื้อชิน พระบูชา และพระหลักยอดนิยมทุกประเภท ที่วงการพระซื้อขายกัน

 อีกท่านหนึ่ง คือ อมร วานิชสัมพันธ์ (ยู่กิม บางลี่อาร์ต) ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเซียนพระรุ่นอาวุโส ยุคบุกเบิก ที่ได้สะสมพระเมืองสุพรรณเอาไว้มากมาย เพื่อเป็นการอนุรักษ์อย่างแท้จริง จนทำให้พระเมืองสุพรรณเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วเมืองไทย และกลายเป็นพระยอดนิยมที่คนในวงการพระพากันแสวงหาอย่างกว้างขวาง

 "ช่วงที่ผมเรียน มศว ประสานมิตร ต้องนั่งรถเมล์ผ่านห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ซึ่งบนนั้นมีร้านพระอยู่หลายร้าน ผมจึงแวะขึ้นไปดูพระในบางวันที่ว่าง หากพบเห็นพระเมืองสุพรรณ ซึ่งผมดูเป็น ก็จะซื้อเอาไว้ ในราคาที่ไม่แพงนัก แล้วก็เอาไปขายต่อ เมื่อกลับบ้านที่สุพรรณ ทำให้มีกำไรพอสมควร บางครั้งจะเอาพระจากสุพรรณขึ้นไปขายบนห้างพันธุ์ทิพย์ ก็ได้กำไรเช่นกัน ข้อสำคัญในการซื้อขายพระ คือ เราต้องดูพระให้เป็นเสียก่อน หากดูพระเป็นก็ย่อมขายได้กำไรเสมอ ตรงจุดนี้ทำให้ผมมีความภูมิใจมาก ที่สามารถหาเงินได้ด้วยตนเอง"  ดามพ์ สุพรรณ กล่าวถึงเส้นทางเดินที่ผ่านมา

 ดามพ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากเรียนจบ มศว แล้ว ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่เพียงครึ่งเดือน ก็รู้ตัวเองดีว่า อาชีพนี้ไม่เหมาะสำหรับตัวเอง อีกทั้งยังเห็นว่า รายได้จากการเป็นครูคงไม่พอใช้จ่ายอย่างแน่นอน

 ในขณะเดียวกัน ได้พบเห็นคนที่เขาซื้อขายพระมีรายได้มากกว่า และหากดูพระได้เก่ง ก็จะสามารถหาเงินได้อย่างง่ายๆ จึงคิดว่า อาชีพที่น่าสนใจสำหรับตัวเอง คือ การซื้อขายพระอย่างจริงจัง

 นอกจากนี้ยังมี ครูมนัส โอภากุล อ้า สุพรรณ จนมาถึงรุ่น ป๋อง สุพรรณ คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ทำให้พระเมืองสุพรรณโด่งดังไปทั่วเมืองไทย

 ตุ้ม ศรีประจันต์ เป็นผู้เก็บสะสมพระเมืองสุพรรณเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะพระเนื้อชินมีเป็นพัน พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง มีเป็นพันๆ องค์ ท่านจะเอาพระองค์จริงมาให้ผมศึกษา จนสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ

 จากการศึกษา พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง ซึ่งเป็นพระเนื้อดินเผา หากจำเนื้อพระได้ ก็ย่อมดูพระเนื้อดินอื่นๆ ได้ เช่น พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระคง และพระสกุลลำพูนต่างๆ พระเมืองกำแพงเพชร เหล่านี้ถือหลักในการดูความเก่าได้เหมือนๆ กัน
 ขณะเดียวกัน ทางด้าน ยู่กิม บางลี่อาร์ต ผู้นิยมสะสมแต่พระสวยเป็นหลัก ก็ให้ดูพระองค์จริงเช่นกัน ตรงนี้ทำให้เรามีความรู้จุดตำหนิต่างๆ ขององค์พระได้เป็นอย่างดี เพราะพระสวยจะมีจุดศึกษาได้อย่างครบถ้วนทั่วองค์พระ เมื่อไปพบเห็นพระที่สึก ก็สามารถจำได้ว่าเป็นพระแท้ หรือปลอม

 ดามพ์ กล่าวด้วยว่า "สิ่งที่ให้ความรู้ในการดูพระได้ดี อีกอย่างหนึ่ง คือ หนังสือพระ เล่มหนาๆ ที่มีภาพพระสวยชัดเจนมากๆ ผมจะซื้อเอาไว้ทุกเล่ม แม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างแพงก็ตาม เพราะภาพพระในหนังสือให้ความรู้ได้มากมาย ข้อสำคัญคือต้องเลือกเอาเฉพาะเล่มที่ลงแต่พระแท้เท่านั้น เพราะหนังสือพระบางเล่มลงภาพพระที่วงการไม่นิยมเล่นหากันก็มี ก่อนจะซื้อหนังสือเล่มไหน หากไม่รู้ว่าเป็นหนังสือดีหรือไม่ดี ก็ต้องสอบถามจากผู้ชำนาญในวงการพระก่อน จะเป็นการดี หนังสือภาพพระเหล่านี้จะช่วยให้การดูพระได้ง่ายขึ้น

 "สมัยก่อน ผมเคยตื่นตี ๕ เอาไฟฉายติดมือไปด้วย ไปดูพระตามสนามพระต่างๆ ที่มีแผงจรมาจากต่างจังหวัด ครึ่งหนึ่งผมเคยได้พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้ากลาง ที่เซียร์รังสิต ในราคา ๖๐๐ บาท องค์นี้ผมขายไปได้ ๔ แสนบาท รู้สึกดีใจมาก เพราะนอกจากได้กำไรอย่างมากมายแล้ว ผมยังภูมิใจที่ตัวเองสามารถดูพระได้แม่นยำ ไม่มีผิดพลาด ถือว่าสอบผ่านในจุดนี้ อีกองค์หนึ่งที่ซื้อมาในราคาถูก แต่ขายไปได้เป็นเงินแสน คือ พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่วนพระที่ซื้อมาราคาแพง และขายไปได้กำไรเป็นเงินล้าน คือ พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์ทรงเจดีย์ องค์นี้สวยสมบูรณ์มาก ซื้อมาในราคา ๓ ล้านบาท ขายไป ๔.๒ ล้านบาท" ดามพ์ กล่าวด้วยความภูมิใจ

 "พระบางองค์ที่ซื้อมา ไม่คิดที่จะขายต่อก็มี หากเป็นพระสวย และหายาก อยากจะเก็บเอาไว้นานๆ ด้วยความรักและหวงแหน พระบางองค์ผมเก็บมานานกว่า ๑๐ ปี ไม่เคยคิดจะขายใครต่อเลย นอกจากบางครั้ง มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนิทกันมาขอแบ่ง ก็จะแบ่งให้ไปบ้างก็มี จะว่าไปแล้ว พระส่วนใหญ่ที่ซื้อมา หากส่งข่าวบอกให้ลูกค้าขาประจำทราบ เขาจะมาซื้อไปทันที เพราะผมจะรู้ดีว่า ลูกค้าคนไหนชอบพระประเภทไหน และที่สำคัญคือ จะไม่เอากำไรมากนัก เพื่อจะได้คบหาเอาไว้นานๆ" ดามพ์ บอกกล่าวถึงหลักการซื้อขายพระที่ทำอยู่

 ดามพ์ เปิดเผยถึงเคล็ดลับในการศึกษาพระเครื่องว่า ต้องดูพิมพ์เป็นหลัก หากจำพิมพ์ได้แม่น โอกาสพลาดจะมีน้อยมาก ส่วนเนื้อหามวลสารเป็นเรื่องต่อมา ที่ต้องจดจำได้ด้วย

 "อาชีพซื้อขายพระ เป็นอาชีพอิสระ ไม่มีใครมาเป็นนายของเรา ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเป็นหลัก หากเรียนรู้มาก จำได้มาก โอกาสจะได้พระแท้ก็ย่อมมีมาก นั่นหมายถึงรายได้จากผลกำไรก็มีตามมาด้วย ผมเห็นคนรุ่นพ่อรุ่นพี่ได้ดีในวงการพระ มีฐานะความเป็นอยู่ดี มีทุกอย่างเพียบพร้อม พ่อแม่ลูกเมียก็พลอยมีความสุขสมบูรณ์ไปด้วย จึงได้ตั้งความหวังไว้ว่า สักวันหนึ่งเราจะต้องทำได้อย่างนั้นบ้าง และวันนี้ ผมคิดว่า ผมได้เดินมากว่าครึ่งทางแล้ว และจะพยายามเดินไปให้ถึงจุดหมายปลายทางนั้นให้จนได้" นี่คือจุดมุ่งหมายของ ดามพ์ สุพรรณ คนหนุ่มสายเลือดใหม่ อีกคนหนึ่งของวงการพระเครื่องเมืองไทย ที่อาจจะพูดได้ว่า ประสบความสำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง ด้วยวัยเพียง ๓๑ ปีเท่านั้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ