ข่าว

เปิดเส้นทางโกงบิทคอยบ์ เผยหมายจับ "4 เจ้าพ่อตลาดหุ้น"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจจ่อออกหมายจับ 4 เจ้าพ่อตลาดหุ้น พัวพันคดีฉ้อโกงกว่า 700 ล้านบาท หลังกองปราบบุกรวบดาราชื่อดังจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิตขณะถ่ายทำละครกลางห้างดัง

เปิดเส้นทางโกงบิทคอยบ์ เผยหมายจับ "4 เจ้าพ่อตลาดหุ้น"

 

ที่มา bangkokbiznews.com
http://daily.bangkokbiznews.com/detail/341179

จ่อจับ4เจ้าพ่อตลาดหุ้น


หัวฟ้า....ร่วมขบวนการโกงบิตคอยน์ 797 ล้าน 
ซัมมารี่...ตำรวจรวบดาราดัง“รัชพิสิษฐ์”


ตำรวจจ่อออกหมายจับ 4 เจ้าพ่อตลาดหุ้น พัวพันคดีฉ้อโกงกว่า 700 ล้านบาท หลังกองปราบบุกรวบดาราชื่อดัง“จิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต”ขณะถ่ายทำละครกลางห้างดัง ฐานร่วมโกงชาวฟินแลนด์หลอกโอนบิตคอยน์ เพื่อลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่ไม่มีธุรกรรม กลับเอาเหรียญไปแลกเป็นเงินแล้วแบ่งกันเอง เผยเส้นทางการเงินมัดครอบครัวดารารับโอนกว่า 400 ล้านบาท 


วานนี้(9 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1บก.ป. พ.ต.ต.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1บก.ป. เข้าจับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต อายุ 27 ปี ดารานักแสดงชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค.2561 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณชั้น 2 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน ขณะที่กำลังถ่ายทำละคร
ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2561เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้รับแจ้งจาก ชาวฟินแลนด์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายว่า เมื่อประมาณเดือนมิ.ย.2560 ได้รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มเล่นสกุลเงินดิจิทัลเหมือนกัน จากนั้นได้ติดต่อเรื่องการลงทุนธุรกิจกันเรื่อยมา ก่อนจะถูกชักชวนให้มาร่วมลงทุนประกอบธุรกิจประเภท ซื้อ-ขาย สกุลเงินดิจิตอล ในชื่อ dragon coin (DRG) โดยการซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด , NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัทดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) 
โดยมีการอ้างว่าเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้สูง จึงได้หลงเชื่อร่วมลงทุนด้วยการโอนเหรียญบิตคอยน์ จำนวน 5,564.44650956 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 797,408,454 บาท ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ของกลุ่มผู้ต้องหาและพวกที่เปิดร่วมกันเพื่อรองรับการโอนเงิน 
หลังจากมีการโอนเงินดิจิทัลไปแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาได้ถอนเงินสกุลบิตคอยน์ไปขายแปลงเป็นเงินสกุลไทย ก่อนจะมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ที่เปิดรองรับไว้ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้โอนเงินที่ได้มาแบ่งให้กับผู้ร่วมขบวนการแต่ละคน โดยแต่ละคนจะได้รับเงินไม่เท่ากัน
หมายจับเบื้องต้น 3 ราย


 ต่อมาหลังจากผู้เสียหายได้จ่ายเงินสกุลบิตคอยน์ไปแล้ว ปรากฏว่าชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ไม่ได้รับหุ้นตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ยังพบว่าเงินที่นำไปลงทุน ไม่ได้ถูกนำไปลงทุนตามที่กลุ่มผู้ต้องหากล่าวอ้าง จึงได้ทวงถามเงินจากกลุ่มผู้ต้องหา แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกก่อนจะรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม


หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่า มีการโอนเงินสกุลบิตคอยน์มายังบัญชีของผู้ต้องหากับพวกที่เปิดร่วมกันจริง อีกทั้งยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการแบ่งเงินกัน โดยมีการโอนผ่านธนาคารพาณิชย์เข้าบัญชีต่างๆของผู้ร่วมขบวนการ
เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมหลักฐานก่อนขออำนาจศาล ออกหมายจับผู้ต้องหาเบื้องต้น 3 ราย ก่อนจะมีการจับกุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต ผู้ต้องหารายแรกเอาไว้ได้ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจากแนวทางการสืบสวนทราบว่าขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามจับกุม
จ่อจับ 4 เจ้าพ่อตลาดหุ้น
 

นอกจากนี้แนวทางการสืบสวนคดีดังกล่าว ยังพบว่า นอกจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว 3 ราย ยังพบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีก 4 ราย โดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง อยู่ในวงการหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างกำลังรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป
การกระทำความผิดลักษณะนี้เป็นการกระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ” ซึ่งถือว่าเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3(18)


ผบก.ป.ยันหลักฐานมัดแน่น
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่าเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวงมา ได้มีการโอนเงินถ่ายเทไปยังพ่อแม่ญาติพี่น้อง นอกจากนี้ยังจะมีการพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นคนกว้างขว้างในตลาดหลักทรัพย์ อีกรายเป็นพี่ชายของนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม โดยได้เดินทางออกไปต่างประเทศก่อนหมายจับจะออก โดยทางตำรวจกองปราบได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว
 “น่าเห็นใจทางครอบครัวของบูม เนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีฐานะในสังคมและทางเศรษฐกิจ เปิดร้านอาหารอยู่ที่ จ.ชลบุรี แต่การกระทำของพี่ชายบูม ไปโกงมาแล้วเอาเงินมาโอนให้พ่อแม่พี่น้อง จะกลายเป็นว่าจะมาเดือดร้อนไปด้วย จากการสอบสวนในส่วนพี่น้องบางคนก็รู้ อย่างเช่นบูมก็มีส่วนรู้เห็นและพูดคุยในการหลอกลวงด้วย เนื่องจากมีหลักฐานที่ชัดเจน”พล.ต.ต.ไมตรี กล่าว


“บูม”โอนให้พี่น้อง 400 ล้าน
ขณะที่ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวว่า ผู้เสียหายชาวฟินแลนด์ เป็นผู้ที่มีเงินในสกุลบิตคอยน์จำนวนมาก เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบข้อมูล จึงได้เข้าไปติดต่อชักชวนมาลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล โดยมีการแอบอ้างว่าจะนำเงินไปเปิดบริษัทเหรียญเงินดิจิทัลแล้วไปลงตลาดหลักทรัพย์ในไทย 
ส่วนเหรียญดิจิทัลนั้นจะนำไปใช้ในบ่อนการพนันที่เกาะมาเก๊า ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ แต่ทางกลุ่มผู้เสียหายไม่ได้นำไปลงทุนจริง กลับนำเงินโอนย้ายไปยังกลุ่มของผู้ต้องหาเสียเอง ซึ่งตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ได้มีการโอนเงินไปยังพี่น้องตนเองประมาณ 400 กว่าล้านบาท โดยนำเงินไปทำธุรกิจรับขายฝากที่ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามยึดที่ดินได้เป็นมูลค่า 200 กว่าล้านบาท


“ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 49 บัญชี หากหลักฐานเชื่องโยงไปถึงพ่อหรือแม่ของของนายจิรัชพิสิษฐ์ จะต้องเรียกมาสอบสวน นอกจากนี้พบว่ามีการโอนเงินออกไปยังต่างประเทศประมาณ 30 ล้านบาทด้วย” พ.ต.อ.ชาคริต กล่าว


รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับนอกเหนือจาก นายจิรัชพิสิษฐ์ ยังมีอีก 2 ราย ประกอบด้วย นายปริญญา จารวิจิต น.ส.สุพิชฌา จารวิจิต เป็นพี่ชายและพี่สาวของ นายจิรัชพิสิษฐ์ ตามลำดับ นอกจากนี้กำลังพิจารณาออกหมายจับเจ้าพ่อตลาดหุ้นไทยรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมขบวนการอีกรวม 4 ราย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน
 เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าบัญชีดังกล่าวเป็นของพี่ชายตนเองซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็น โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนคุมตัวส่งศาลอาญาต่อไป

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ