กาแฟที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและยังคงได้รับความนิยมจากคอกาแฟไม่เสื่อมคลายจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเวลากว่า 70 ปี นั่นคือ กาแฟโบราณ “ตรามังกรบิน”
ปัจจุบันธุรกิจกาแฟได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกว่าไปไหนมาไหน เหลียวซ้ายแลขวา ก็เจอแต่ร้านกาแฟ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว กาแฟก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น กาแฟโบราณ หรือกาแฟธรรมดา อีกทั้งยังมีนับร้อยยี่ห้อ
และหนึ่งในกาแฟที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและยังคงได้รับความนิยมจากคอกาแฟไม่เสื่อมคลายจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเวลากว่า 70 ปี นั่นคือ กาแฟโบราณ “ตรามังกรบิน”
เวลานี้กาแฟโบราณตรามังกรบินมี “เสี่ยหนุ่ย” เอนก จิตตขจรเกียรติ หนุ่มวัย 46 ปี เป็นผู้บริหารใหญ่ ซึ่งเสี่ยหนุ่ยกล่าวถึงที่มาที่ไปและจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า เรื่องของกาแฟโบราณตรามังกรบิน คงต้องว่ากันเป็นไปตามยุคเลย ในยุคแรกปี 2490 เริ่มจากอากง ชื่อว่า ขี่ลิ้ม แซ่จิว เดินทางมาจากเมืองจีน ล่องเรือมาแบบเสื่อผืนหมอนใบเหมือนที่เขาว่ากัน เพื่อมาหาชีวิตใหม่และหาช่องทางทำมาหากินในเมืองไทยที่เป็นจุดหมาย อากงเป็นนักสู้ ต่อสู้ชีวิตหลายอย่างเหมือนคนจีนคนอื่นๆ มีอาชีพรับจ้างแบกข้าวสารแถวสี่พระยา จากนั้นก็เก็บหอมรอมริบจนเปิดร้านขายข้าวสารและมีเพื่อนมาชักชวนทำกาแฟ ผลิตและจำหน่ายกาแฟโดยใช้ชื่อยี่ห้อว่า กาแฟตรามังกร
“ตอนแรกๆ ก็ขายสินค้าในกรุงเทพฯ จนเวลาผ่านไป 10 ปี กิจการดีขึ้น อากงเริ่มมองเห็นช่องทางและโอกาสในการประกอบธุรกิจ จึงตัดสินใจซื้อเรือเพื่อส่งสินค้าทางเรือ เพราะตอนนั้นทางรถไม่ค่อยสะดวก การคมนาคมสู้เรือไม่ได้ และขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างจังหวัด 2 หัวเมืองใหญ่ที่มีแม่น้ำไหลผ่านคือปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ กับบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จนกระทั่งปี 2505 อากงกับเพื่อนหุ้นส่วนได้ตกลงแบ่งลูกค้าและกิจการกัน โดยใช้วิธีเลือกเส้นทาง หุ้นส่วนได้กิจการไปและใช้ตราสินค้าเดิมคือ การแฟตรามังกร ส่วนอากงได้ลูกค้าที่ใช้เรือขนส่งสินค้าและย้ายโรงงานไปอยู่ในซอยวัดดงมูลเหล็ก รวมถึงปรับชื่อใหม่แต่ยังใช้รูปมังกรเดิม แต่เพิ่มปีกเข้าไป เมื่อติดปีกแล้วเป็นมังกรบิน”
เสี่ยหนุ่ย กล่าวว่า หลังยุคแรกของอากงผ่านไป ปี 2507 ก็ส่งต่อมายังลูกชายคือ วรเทพ จิตตขจรเกียรติ ซึ่งเป็นคุณพ่อของตน มารับช่วงต่อเป็นรุ่นที่ 2 โดยการบุกเบิกเริ่มจากหาลูกค้าเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่สายภาคอีสานซึ่งมีประชากรเยอะ และคุณพ่อก็ต้องมีความอดทนต่อสู้กับปัญหาหลายอย่างเพราะว่ามีกาแฟยี่ห้ออื่นครองตลาดอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะช่วงปี 2518 เรื่องของกาแฟก็มีการแข่งขันกันสูงมาก และมีกาแฟสำเร็จรูปเข้ามามีบทบาท อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มชูกำลังเข้ามาอีก และทางการก็เก็บภาษีต้มหม้อกาแฟสูง แต่คุณพ่อก็แก้ไขปัญหาทุกอย่างจนฝ่าฟันมาได้ และนำพากาแฟโบราณตรามังกรบินไปได้ กระทั่งส่งต่อมายังรุ่นตน
“ผมมารับช่วงเป็นรุ่นที่ 3 ตั้งแต่ปี 2535 ตอนแรกผมรับหลอดกาแฟมาขายก่อน จากนั้น 4-5 เดือน ก็เลิกขายหลอดกาแฟ มาขายกาแฟอย่างเดียว โดยเริ่มจากโรงงานเล็กๆ และออกเดินหาลูกค้าทุกวัน ตั้งแต่ตีห้ายันสามทุ่ม วันแรกได้ลูกค้ารายเดียวแถวหน้าวัดไร่ขิง จ.นครปฐม ซึ่งเหตุที่ได้น้อยมาจากเรายังใหม่ พูดไม่เก่ง ยังไม่กล้าพอ และเมื่อเวลาผ่านไปพอมีประสบการณ์มากขึ้น ก็เริ่มกล้าขึ้น การหาลูกค้าก็ดีขึ้น มากขึ้นตามลำดับ บางวันได้เป็นร้อยราย เป็นผลให้กาแฟมังกรบินทะยานไปทั่วทิศ ทุกวันนี้มักเห็นป้ายกาแฟโบราณตรามังกรบินไปทั่วประเทศ เพราะธุรกิจกาแฟโบราณดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มสร้างฐานลูกค้าขึ้นมาใหม่ โดยเน้นลูกค้าในระดับรากหญ้า คือลูกค้าตามร้านกาแฟทั่วไปและรถเข็น โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี”
ส่วนกลยุทธ์ในการขาย เอนกเผยว่า กลยุทธ์เด็ดคือ ซื้อกาแฟมังกรบินเราแจกป้ายกาแฟโบราณและเราไม่ขายแฟรนไชส์ เน้นการบริการป้ายฟรี ถือเป็นการโฆษณาและเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กาแฟดูมีภาพลักษณ์ดีขึ้น จากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นกาแฟปี๊บ ให้กลายเป็นกาแฟโบราณที่ดูคลาสสิก นับได้ว่าเราเป็นกาแฟเจ้าแรกที่ริเริ่มทำป้ายกาแฟโบราณติดตามร้านรถเข็น รถมอเตอร์ไซค์พ่วง
สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไปได้ดีคือ หลักการดำเนินธุรกิจที่ท่องจำขึ้นใจมาตลอดว่า การขายไม่มีคนเก่ง มีแต่คนขยัน โดยเฉพาะเรื่องการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเวลาส่งของให้ลูกค้าต้องตรงต่อเวลา การเก็บเงินก็ง่าย ลูกค้าจะรู้เวลาที่เราจะมาอีกครั้ง และทำให้ลูกค้าได้สินค้าทันต่อความต้องการด้วย ซึ่งหลักดังกล่าวนี้ ยึดถือตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนปัจจุบัน
“เราจะเรียกว่าเป็นกลยุทธ์การขายแบบลูกทุ่งก็ว่าได้ ตรงตามนิสัยผมพอดี เดินหน้าลุยแบบถึงลูกถึงคน อาศัยความเชื่อใจ ความคุ้นเคยทำให้ลูกค้าชอบ ความเรียบง่าย สบายๆ มีความเป็นกันเอง หากผมมีเวลาจะลงไปเยี่ยมเยียนลูกค้าตลอด ใกล้ไกลไปหมด เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ ทำให้เราอยู่ได้ สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาด”
ขณะที่จุดเด่นของกาแฟโบราณตรามังกรบิน ที่ต่างจากยี่ห้ออื่นคือ จุดเด่นอยู่ที่ “รสชาติดี เข้มข้น ไม่เปรี้ยว และราคาถูก” เป็นกาแฟที่ผสมธัญพืช ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ส่วนความดำเกิดจากน้ำตาลทรายขาวที่นำมาเคี่ยวจนดำ โดยส่วนเมล็ดพันธุ์กาแฟมาจากทางภาคเหนือและภาคใต้
ตอนนี้ถือว่าเข้ามาสานต่อเรื่องธุรกิจกาแฟโบราณเป็นรุ่นพี่ 3 รวมแล้วเป็นเวลา 24 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จ รู้สึกภาคภูมิใจมากทั้งที่ก็ไม่ได้เรียนจบมาทางด้านนี้ อาศัยค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมและจากประสบการณ์ที่ไปพบเจอ ผมมีครอบครัวที่มีความสุข และวางแผนให้ทายาททั้ง 3 คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจนี้เรียบร้อย
“ผมมีลูกทั้งหมด 3 คน คนโตเป็นผู้หญิงชื่อ ณัฐนรี จิตตขจรเกียรติ กำลังศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คนที่ 2 เป็นผู้หญิงเหมือนกันชื่อ ศรุตา จิตตขจรเกียรติ ศึกษาชั้น ม.6 ซึ่งในวันหยุดทั้งสองก็เข้ามาช่วยคุณแม่ ช่วยงานด้านบัญชีที่บริษัทแล้ว ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชายชื่อ อนวัธย์ จิตตขจรเกียรติ ชั้น ม.1 ซึ่งถ้าโตกว่านี้หน่อยก็จะต้องเรียนรู้เรื่องธุรกิจแน่นอน ซึ่งลูกทั้งสามคนจะเป็นรุ่นที่ 4 สืบทอดต่อไป”
ปัจจุบัน “เสี่ยหนุ่ย” เอนก จิตตขจรเกียรติ นอกจากจะเป็นเจ้าของสินค้ากาแฟโบราณตรามังกรบินแล้ว ในบริษัทยังมีสินค้าอื่นๆ แตกออกไปคือ ชาเขียวมังกรบิน, ชาวเขียวโอชะมังกรบิน, ชามังกรบิน, บาร์บูตองมังกรบิน, ชาเขียว มัจฉะ, กาแฟสดมังกรบิน เอสเปสโซ่, กาแฟสดมังกรบิน อาราบิก้า
เท่านั้นยังไม่พอเสี่ยหนุ่ยถือเป็นคนที่มีมวยอยู่ในหัวใจ โดยเข้าวงการมวยเพราะมี น้าโด่ง ผลเจริญ เป็นคนชักนำ และเป็นคนมีจิตใจเป็นกุศล ชอบช่วยเหลือคนในวงการมวย และที่ผ่านมาเคยมีนักมวยใช้สีเสื้อหนุ่ยกาแฟโบราณคือ ลำน้ำมูลเล็ก และแสนเก่ง ตอนนี้เสี่ยหนุ่ยมีตำแหน่งสำคัญในวงการมวยคือเป็นรองประธานกองทุนสวัสดิการเพื่อแฟนมวยของประธานเอก บางไทร, เป็นเลขาฯ ชมรมคนรักป๋าคุ้ง และช่วงที่ผ่านมาในห้วงเวลาสำคัญ เสี่ยหนุ่ยพร้อมทีมงานยังเป็นจิตอาสาไปบริการกาแฟ ชา โอเลี้ยง ให้ประชาชนที่มาร่วมถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ท้องสนามหลวง เป็นเวลานานแรมเดือน ส่วนที่ตั้งโรงงานอยู่ที่บริษัท ขจรเกียรติกาแฟ จำกัด (ศูนย์กรุงเทพฯ) 94/2 หมู่ 4 ซอยกระทุ่มล้ม 27 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม
.
สุนนท์ จันทร์ศรีทอง เรื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง