อดีตเด็กวัด...สู่เจ้าของธุรกิจแป้งฝุ่นเงินล้าน!

 

            จากลูกชาวสวนเมืองสมุทรสงคราม  “อนุศิษฏ์ ลิ้มสุขเจริญกุล” หรือ ริน ที่มุ่งหน้าเข้ามาหาอนาคตในเมืองกรุง เลือกที่จะอยู่วัดเพื่อควบคุมความประพฤติ เลือกเรียนวิศวกร สาขาเครื่องยนตร์ จบมาทำงานบริษัทแถวหน้ารับเงินเดือนเป็นแสน แต่ด้วยความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองที่สุดได้ปฏิเสธบทบาทพนักงานออฟฟิศแล้วมุ่งหน้าสานฝันให้เป็นจริง แต่กว่าจะเป็นนักธุรกิจแป้งฝุ่นเงินล้านในวันนี้เขาก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคนับไม่ถ้วน ทั้งถูกโกงจนหมดตัว ลูกค้าไม่จ่ายเงิน แม้กระทั่งลูกน้องเคยฆ่าตัวตาย

ถูกโกงเกือบหมดตัว-ตั้งหลักทำหลายธุรกิจ

            อนุศิษฏ์ เล่าว่าหลังจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 เลือกเรียนอาชีวะที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ก่อนไปต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ สาขาวิศวเครื่องกล จบมาทำงานที่แรกเป็นวิศวกรบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้าจากนั้นย้ายไปอยู่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนตร์ ก่อนงานประจำที่สุดท้าย คือ เป็นวิศกรดูแลลระบบเครื่องทำความเย็น ทั้งแอร์บ้าน แอร์สำนักงาน สรุปทำงานประจำได้ราว 3 ปี ก่อนลาออกไปเปิดบริษัทรับติดตั้งแอร์บ้าน

 

 

           “ปี 44 ผมทำธุรกิจติดแอร์บ้าน ทำได้ 6 เดือน ต้องปิดตัวลงเพราะลูกค้าไม่จ่ายเงิน ลูกน้องมีปัญหา เลยเปลี่ยนมาเปิดร้านขายมือถือ 2 ปี มีเงินหมุนเวียนเดือนละ 5-10ล้านบาท เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งมาเปิดบริษัท รินไวเลส จำกัด เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับสัญญาณอินเตอร์เน็ต แต่สุดท้ายโดนโกง 6.5 ล้านบาท ต้องปิดตัวลงในปี 51 จากนั้นหันมาขายกรอบจตุคามรามเทพอยู่ช่วงหนึ่งได้กำไรมาหลายล้านบาท ก่อนที่จะเปิดอู่ซ่อมรถยนต์ ชื่อร้านนานาประดับยนต์ อยู่ที่พุทธมณฑลสายสี่ เน้นซ่อมงานแก๊ส LPG มีฐานลูกค้า 6 หมื่นคน เปิดได้ 8 ปี มีเงินเก็บก้อนหนึ่ง ก่อนตัดสินใจลงทุนทำแป้งฝุ่นผู้หญิง เมื่อปี 58 โดยใช้ชื่อแบรนด์ ออโซ”

            สาเหตุที่เข้าสู่ธุรกิจความงาม ชายหนุ่ม บอกว่าเห็นภรรยาขายเครื่องสำอางออนไลน์ ลักษณะซื้อมา - ขายไป ซึ่งรายได้ดี เกิดความคิดว่า ขนาดเป็นคนกลางยังรายได้ดี ถ้าเป็นเจ้าของเอง รายได้น่าจะดีกว่า จึงตัดสินใจทำแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง

           ทำไมต้องเป็นแป้งฝุ่น เขาบอกว่า เพราะเป็นสินค้าความงามที่กำไรดีในบรรดาเครื่องสำอางของผู้หญิง จึงไปศึกษาตลาดแป้งทาหน้าผู้หญิงว่ามีประเภทอะไรบ้าง แต่ละชนิดมีข้อดี ข้อด้อย อย่างไร รวมถึงดูสารสกัดส่วนประกอบต่างๆ พบว่าอยากทำแป้งฝุ่นที่กันน้ำ มีสารกันแดด มีสารบำรุงผิว ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่ชอบความรวดเร็วในการแต่งหน้า

 

 

           “ผมศึกษาตลาดแป้งฝุ่น พบว่าทั่วไปไม่กันน้ำ ไม่คุ้มมัน ไม่กันแดด ไม่มีสารบำรุงผิว ไม่มีรองพื้น จึงเป็นโอกาสที่ดี ถ้าคิดนอกกรอบ คิดแปลก คิดไม่เหมือนใคร ทำในสิ่งที่ไม่เหมือนใคร จะเด่นกว่าแป้งฝุ่นตัวอื่นๆจึงตัดสินใจว่าต้องผลิตแป้งฝุ่นกันน้ำ ควบคุมความมัน กันแดด มีรองพื้นในตัว และมีสารบำรุงผิว เมื่อทาแล้วติดทนนาน เนียน ดูเป็นธรรมชาติ”

เจาะตลาดเพื่อนบ้านตั้งเป้ารายได้100ล้าน

            อนุศิษฏ์ เสริมว่า การทำสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอางจะขายได้มีอยู่ 2 ประเภท คือ อย่างแรก ดังแล้วขายได้ แต่คุณภาพค่อยว่ากัน ส่วนแป้งฝุ่นของเขาถือเป็นประเภทที่สอง แม้ไม่ดังแต่ขายได้เนื่องจากแค่ออกมาขายทดลองตลาด 3 เดือน ยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

          “ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาแป้งฝุ่นของเราเป็นแบรนด์ที่ไม่มีคนรู้จัก อาจเพราะไม่ได้ทำการตลาดชัดเจน จึงอาศัยไปวางขายที่สำเพ็ง เจออุปสรรคมากมายลูกค้าคิดว่าเป็นของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ควบคุมราคาไม่ได้ สุดท้ายตัดสินใจถอดสินค้าทั้งหมดออกจากตลาดนี้ มาเน้นขายออนไลน์ ที่มีใบรับรองมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดไว้”

 

 

           สำหรับผลิตภัณฑ์มี 2 แบบ คือ 1.แป้งฝุ่นกันน้ำ โดยคุณสมบัติมีรองพื้นในตัว และ 2.คลีนซิ่งโฟม เป็นโฟมล้างหน้าที่ทั้งทำความสะอาดผิวหน้าล้างเครื่องสำอางได้ ทั้งนี้ ได้เตรียมจัดทำผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมแบบที่ 3 คือครีมทาผิว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นแบบเนื้อแป้งหรือโลชั่น ซึ่งผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เป็นความสนใจของลูกค้าที่อยากให้ลองผลิต

          “เราจะไม่เน้นผลิตสินค้าหลายอย่างแต่จะทยอยผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจติดตามได้ลองใช้ และเกิดการใช้ซ้ำ แล้วกลับมาซื้อเพิ่ม”

           ด้านการรีวิวสินค้า เขาบอกว่า จะไม่จ้างดาราที่มีชื่อเสียงแต่จะให้ลูกค้าที่ใช้จริงเป็นกระบอกเสียง โดยนำผลิตภัณฑ์ไปให้กับผู้ที่สนใจทดลองใช้ ขยายจุดจำหน่ายเข้าห้างหรือศูนย์การค้าขนาดใหญ่

           สำหรับตลาดต่างประเทศ ขณะนี้ได้เริ่มเปิดตลาดที่กัมพูชาแล้ว เนื่องจากมีดารากัมประเทศเพื่อนบ้านใช้แล้วชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ จึงอยากเป็นตัวแทนขายเอง ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือกันถึงข้อตกลงการค้า คาดว่าจะได้บทสรุปต่างๆภายในปี 59 นี้

           ปัจจุบันยอดขายแป้งฝุ่นออโซ คิดเป็นสัดส่วนส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหลัก กัมพูชา ลาว เวียดนาม ส่วนตลาดในประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 59-60 ไว้ที่ 100 ล้านบาท

 

อนุศิษฏ์ ลิ้มสุขเจริญกุล

 

          “ผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมความงาม ยังสามารถพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่ยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภค โดยบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการใช้ เพราะเชื่อว่าหากทำให้ผลิตภัณฑ์ได้ดี ผู้ซื้อก็จะกลับมาใช้อยู่เสมอ”

          ทว่า ก่อนจะก้าวมาถึงจุดนี้ เมื่ออดีตอนุศิษฏ์เคยเลือกไปอยู่วัด เป็นเด็กวัด ช่วงศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ด้วยเหตุผลอยากมีความประพฤติที่ดี เพราะการอยู่วัดจะมีพระคอยอบรมสั่งสอน คอยเตือนสติให้คิดดี พูดดี ทำดี ซึ่งเขาได้จำและนำคำสอนของหลวงพ่อ หลวงพี่ ยึดปฏิบัติ อันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาประสบผลสำเร็จในวันนี้ แม้จะเป็นความสำเร็จเบื้องต้นก็ตาม