ข่าว

"แม่จู้"ขายดีเพราะยึดคำสอน"เหมือนทำให้ลูกทาน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย - ปทุม กลิ่นหอม

       

          ใครผ่านไปแถวภูเก็ต เชื่อว่าคงต้องเคยผ่านตาหรือเข้าไปซื้อของฝากที่ "ร้านแม่จู้" ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองชื่อดัง แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าร้านนี้เปิดมานานกว่า 70 ปี

          ตัวเลขอายุสะท้อนถึงความไว้วางใจที่ยาวนาน ทำให้ร้านนี้อยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสืบทอดกิจการผ่านมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว โดยมี คุณวันฤดี รังสินธุรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัทคุณแม่จู้ จำกัด เป็นผู้กุมบังเหียน และยังเป็น 1 ใน 4 ผู้เข้ารับรางวัล คพอ.สตาร์ 2016 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นรางวัลที่มอบให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

"แม่จู้"ขายดีเพราะยึดคำสอน"เหมือนทำให้ลูกทาน"

 

            แรกเริ่มของ ร้านแม่จู้ นั้น คุณวันฤดี เล่าว่า คุณยายหงวดจู้ หรือ แม่จู้ เป็นผู้ก่อตั้ง เริ่มจากขายอาหารทะเลตากแห้งที่หมู่บ้านสะปำ และทำขนมสดออกขาย แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายจากลูก 9 คน ทำให้แม่จู้ต้องคิดหาทางเพิ่มรายได้ จึงนำกุ้งหอยปูปลาที่หาได้ในชุมชนมาตากแห้ง ทำเป็นน้ำพริก แกงไตปลา ออกขายด้วย

            หลังจากปี 2530 การท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้สินค้าจากร้านแม่จู้ เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงไตปลา ได้รับความนิยมซื้อเป็นของฝากไปด้วย จากร้านเล็กๆ หน้าบ้าน ลูกๆ ได้สานฝันของแม่จู้ ที่ต้องการต่อยอดอาหารพื้นเมืองให้คนทั่วประเทศได้ลิ้มลองรสชาติ ด้วยการหาพื้นที่เปิดร้านขายของฝาก แต่เมื่อใกล้เปิดร้าน คุณแม่จู้ได้ล้มป่วย ซึ่งท่านก็ได้อยู่รอดูความสำเร็จจนร้านเปิดขึ้นได้ และเสียชีวิตลงหลังจากนั้นเพียง 3 วัน

            ด้วยสูตรลับเฉพาะของแม่จู้ ซึ่งกลายเป็นสมบัติล้ำค่า ทำให้ลูกๆ ดำเนินกิจการต่อมาได้ จนกระทั่งปี 2542 มีการจดทะเบียนบริษัทแม่จู้ขึ้น และมีการรวบรวมสินค้าจากชุมชน จังหวัดใกล้เคียงเข้ามาขายเพิ่ม และต่อมาปี 2545 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยังแต่งตั้งให้ "ร้านแม่จู้" เป็น ศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าภูมิปัญญาไทยเจ้าแรกของภาคใต้ ด้วย

 

"แม่จู้"ขายดีเพราะยึดคำสอน"เหมือนทำให้ลูกทาน"

วันฤดี รังสินธุรัตน์ 

 

            คุณวันฤดี เล่าว่า กว่าร้านแม่จู้จะเติบโตและเป็นที่รู้จัก ได้ผ่านเรื่องราวมากมาย เดิมคนในครอบครัวช่วยกันบริหารแบบกงสี ต่อมาเธอนำประสบการณ์ที่เคยทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นและมีโอกาสรวมทีมรีโนเวทองค์กรจัดทำระบบ ISO ให้บริษัท เข้ามาใช้ในบริษัทแม่จู้ ทำให้การบริหารจัดการเป็นระบบและมีแบบแผนมากขึ้น

            "ปลายปี 2547 บริษัทเร่งผลิตสินค้าให้ทันช่วงต้นปี แต่เพียงชั่วข้ามคืน เราเหมือนล้มทั้งยืน เพราะเหตุการณ์สึนามึ สินค้าที่ผลิตไว้ต้องนำไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของดิฉันเพราะนอกจากเป็นสะใภ้ หมวกอีกใบที่สวมอยู่คือผู้บริหารของบริษัท ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ จึงเข้าไปติดต่อห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่ได้รับการปฏิเสธ ก็กลับมาคิดว่าทำไม ห้างถึงปฏิเสธและได้คำตอบว่า เพราะสินค้ายังไม่เป็นที่รู้จัก บรรจุภัณฑ์ยังไม่เป็นที่สะดุดตาเหมือนสินค้าเจ้าอื่นที่ติดตลาดแล้วและสินค้าไม่สามารถเก็บไว้นานได้"

            เมื่อมองเห็นข้อบกพร่อง จึงเป็นก้าวแรกในการพัฒนาคุณภาพสินค้าคือ แกงไตปลา ซึ่งเดิมจะขายต้องอยู่ในตู้เย็น เพราะสินค้าเป็นน้ำจะเสียง่าย จึงได้คุยกับผู้ผลิตเครื่องจักรและร่วมกันทดลอง จนได้แกงไตปลาที่ผ่านระบบสเตอร์รีไลซ์สามารถจัดเก็บได้นานขึ้น ถือเป็นความสำเร็จเจ้าแรกของภาคใต้ และเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของแม่จู้ที่พัฒนาจากสินค้าพื้นถิ่นมาเป็นสินค้าที่สามารถนำไปวางขายได้ทั่วประเทศ เก็บได้ 1 ปี และไม่ใส่สารกันบูด

 

"แม่จู้"ขายดีเพราะยึดคำสอน"เหมือนทำให้ลูกทาน"

 

            หลังจากนั้นจึง นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยยืดอายุสินค้าแต่คงไว้ด้วยคุณภาพและรสชาติของแม่จู้ ไม่ว่าจะเป็นแกงไตปลา น้ำบูดู น้ำพริกกุ้งเสียบ โดยมีสินค้าประเภทน้ำพริกต่างๆ 50-60 รสชาติ ในส่วนโรงงานก็มีการขยายและพัฒนา เน้นการผลิตอาหารพื้นเมือง ขนมพื้นเมือง อาหารแปรรูป ผลไม้แปรรูป กว่า 200 รายการ ส่วนสินค้าในร้านของฝากแม่จู้มีกว่า 1,000 รายการ

            ปัจจุบันการพัฒนาคุณภาพสินค้าก็ยังไม่หยุดนิ่ง โดยได้ พัฒนาบรรจุภัณฑ์และรีแบนด์ดิ้ง ควบคู่กันไปด้วย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกเพศทุกวัย เปลี่ยนภาพลักษณ์และโลโก้ให้สะท้อนความเป็นแม่จู้ให้มากขึ้น โดยบรรจุภัณฑ์ของสินค้าแต่ละชนิดจะโดดเด่นต่างกัน เช่น กล่องบรรจุขนมเต้าส้อ ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของผ้าถิ่นผ้าย่าหยา บาบ๋า กล่องบรรจุน้ำพริกกุ้งเสียบ นำวิถีชีวิตคนไทยแต่เดิมที่ห่ออาหารด้วยใบตอง มาทำเป็นลายของกล่อง จนทำให้บริษัทได้รับรางวัลจากการประกวดบรรจุภัณฑ์จากงาน Thailand Star Award  และ Asian Star Award

            ตอนนี้สินค้าเด่นของร้านแม่จู้ยังคงเป็นน้ำพริกกุ้งเสียบและแกงไตปลา บริษัทมียอดขายกว่า 200 ล้านบาทต่อปี มีการส่งออกไปขายที่ต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงยังมีการ ปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยี บริษัทได้จัดทำเว็บไซต์ เฟซบุค และไลน์ เพื่อใช้ในการให้ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทและยังเป็นช่องทางการขายอีกทาง ซึ่งขณะนี้ช่องทางออนไลน์มีอัตราการเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา 20% รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับ เว็บไซต์อาลีบาบา นำสินค้าไปขาย

 

"แม่จู้"ขายดีเพราะยึดคำสอน"เหมือนทำให้ลูกทาน"

 

            ก้าวต่อไปของร้านแม่จู้ คือการเป็นผู้นำในการผลิตและขายอาหารพื้นเมืองปักษ์ใต้ เพื่อส่งไม้ต่อไปยังเจนเนเรชั่นต่อไป โดยต้องยึดหลักคำสอนของคุณแม่จู้ในการประกอบธุรกิจที่ว่า

            "การทำอาหารอย่าไปทำตามเขา ทำตามสูตรของเรา อาหารที่ดีต้องเริ่มจากการคัดสรรสินค้าวัตถุดิบที่ดี และต้องใส่จิตวิญญาณเข้าไปในการทำอาหารให้เหมือนอาหารที่ทำให้ลูกทาน เพราะฉะนั้นอาหารที่เกิดจากร้านแม่จู้คืออาหารที่แม่ทำให้ลูกทาน ซึ่งเป็นอาหารชั้นเลิศอยู่แล้ว แม้เราจะยึดสิ่งนี้เป็นอาชีพก็ให้ยึดคำสอนตรงนี้ไว้ด้วย" คุณวันฤดี กล่าวทิ้งท้าย 
 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ