ข่าว

“หุ่นยนต์”ดูแลคนป่วย-ผู้สูงวัย ฝีมือเด็กไทยทางเลือกคนยุคใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้เขียน : กุมุทนาถ สุตนพัฒน์

          “เราจึงมีความคิดจะให้เด็กๆ มาร่วมฝันไปด้วยกัน เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีแต่ซื้อแล้วก็ซื้อๆๆ ของจากทั่วโลก ทำไมเราถึงไม่คิดสร้างสินค้าเหล่านั้นขึ้นมาขายเองบ้าน ถ้าปล่อยไปอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นประเทศส่งออกนำเงินเข้าประเทศบ้าง”

          คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน “เทคโนโลยี” เข้ามามีส่วนในเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของทั้งโลก ซึ่งยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยก็มีการกำหนดที่จะใช้โมเดล “ไทยแลนด์ 4.0” หันไปเน้นเรื่องของเทคโนโลยี นวัตกรรม การวิจัยและพัฒนาต่อยอดในการผลิตสินค้าและบริการ โดยกลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Health, Wellness&Bio-Med) เป็นหนึ่งใน 5 ของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ด้วยกระแสเรื่องสุขภาพและการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุที่ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยกำลังเผชิญ ทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น

          การดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ถือเป็นอีกปัญหาหนึ่งของสังคมไทยในปัจจุบัน เนื่องจากลูกหลานต่างๆ ต้องออกไปทำงานหาเงิน ขณะที่การจ้างคนมาดูแลแทนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นจึงเป็นที่มาของการคิดค้นทางเลือกให้แก่ครอบครัวยุคใหม่ ผ่านนวัตกรรมชั้นสูงที่ชื่อว่า “หุ่นยนต์ดินสอมินิ” สร้างโดยฝีมือเด็กไทยแท้ๆ

          หุ่นยนต์ตัวน้อยจะเป็นทางเลือกในการมอบความรัก ความห่วงใย ที่ลูกหลานมอบให้พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ได้อย่างไร เภสัชกร ดร.จิรศาสตร์ ไชยเลิศ เลขาธิการ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ อธิบายถึงคุณสมบัติของ “เจ้าดินสอมินิ” ว่า หุ่นยนต์ตัวนี้มีระบบเฝ้าดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย โดยจะมีการเตือนไปยังผู้ดูแลหรือลูกหลาน หากผู้ป่วยนอนหลับ ไม่ขยับตัวนานเกินเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ในช่วง 2 ชั่วโมงไม่มีการขยับตัวเลย ก็ผิดวิสัยคนปกติ ซึ่งจะมีการเฝ้าดูกันตั้งแต่นอนหลับกระทั่งตื่น หากจะลุกขึ้นจากเตียงก็จะมีการแจ้งไปยังสมาร์ทโฟนไปยังพยาบาลหรือลูกหลานตามที่ตั้งโปรแกรมไว้ ไม่จำเป็นต้องมีคนนั่งเฝ้าตลอดเวลา

 

“หุ่นยนต์”ดูแลคนป่วย-ผู้สูงวัย ฝีมือเด็กไทยทางเลือกคนยุคใหม่

 

          นอกจากนี้ ยังมีมีระบบวิดีโอคอลทำให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุสามารถติดต่อญาติ เพื่อน หรือแม้กระทั่งแพทย์ พยาบาล เป็นระบบเรียลไทม์ พูดคุยได้ทันที เพียงแค่แตะไปหน้าหุ่นยนต์เท่านั้น หรือหากกลับไปอยู่บ้านเอาเจ้าหุ่นยนต์ไปด้วยเมื่อมีอาการผิดปกติหลังออกจากโรงพยาบาลก็สามารถคุยกับหมอได้เลย เช่น เจ็บเข่า สามารถใช้กล้องที่หุ่นไปส่อง เพื่อให้หมอได้วินิจฉัยได้ทันที หรือเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วยหรือสูงอายุอยู่ที่บ้านต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เมื่อกดปุ่มฉุกเฉินที่ฐานหุ่นยนต์ สัญญาณจะเตือนไปที่ลูกหลาน เพื่อนบ้าน หรือ 1669 แพทย์ฉุกเฉินได้เลย 

          รวมทั้งยังมีระบบเตือนผู้สูงอายุหรือผู้เฝ้า เช่น ให้กินข้าว กินยา โดยการอัดเสียงเตือนเอาไว้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนไทย อาจจะลืมกินยา กินแล้วกินอีก หรือเตือนให้ออกกำลังการ ให้เข้านอน ขณะเดียวกันยังโหลดข้อมูลหรือวิดีโอคลิปเพื่อความบันเทิงใส่ในหุ่นยนต์ รวมถึงสามารถโหลดเกมฝึกสมอง ช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน คลายเหงาได้ ที่สำคัญสามารถรายงานหรือวัดสัญญาณชีพได้ เช่น ลิงค์กับข้อมูลวัดความดัน ลิงค์การเต้นของหัวใจว่าปกติหรือไม่

         “เมื่อมีหุ่นยนต์ดินสอมินิมาอยู่เคียงข้างผู้สูงอายุ ก็ทำให้ลูกหลานหายห่วงไปได้ระดับหนึ่ง สามารถไปทำงานหรือภารกิจต่างๆ ได้ หากต้องการคำปรึกษาจากแพทย์ที่ติดต่อไว้สามารถโทรหาได้ทันที หรือยามฉุกเฉินก็กดปุ่มฉุกเฉิน หุ่นยนต์ดินสอจะแจ้งไปที่โรงพยาบาล จะเรียกข้างบ้านหรือญาติพี่น้อง หรือแม้แต่ยามที่เหงาไม่มีคนคุยด้วย หุ่นยนต์ดินสอก็จะชวนเล่นเกม ร้องเพลง นับเป็นนวัตกรรมที่สร้างเด็กไทยที่น่าทึ่งไม่น้อยทีเดียว เรียกได้ว่าแทนความห่วงใยของลูกหลานได้จริง” เภสัชกร ดร.จิรศาสตร์ กล่าว

         จุดเริ่มต้นของหุ่นยนต์ตัวนี้ มาจากความฝันของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นั่นคือ เฉลิมพล ปุณโณทก หรือ พี่อู่ เจ้าของบริษัท ทีซี เอเชีย จำกัด จบการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นนักการตลาด นักคิด มีความฝันว่าอยากสร้างหุ่นยนต์ฝีมือคนไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศ จึงรวบรวมทีมผู้ชนะเลิศจากการประกวดหุ่นยนต์โลกประมาณ 10 คน มาร่วมงานด้วยเมื่อ 7 ปีก่อน เพื่อคิดค้นผลงานของเด็กที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษ

         เภสัชกร ดร.จิรศาสตร์ บอกว่า จริงๆ แล้วในช่วงที่ผ่านมา มีเด็กไทยหลายคนไปประกวดหุ่นยนต์ในเวทีต่างประเทศและได้รับรางวัลกลับมา แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยสื่อขอสัมภาษณ์ตอนลงเครื่องบินให้ความสนใจแค่ระยะสั้นๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาสานต่อผลงานของเด็กหรือนำเด็กเหล่านั้นไปพัฒนาต่อเติมสนับสนุนเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ อาจมีเด็กเพียงส่วนน้อยที่ได้รับโอกาสดีๆ แม้แต่ระดับผู้บริหารประเทศก็ไม่มีนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจัง 

         “เราจึงมีความคิดจะให้เด็กๆ มาร่วมฝันไปด้วยกัน เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีแต่ซื้อแล้วก็ซื้อๆๆ ของจากทั่วโลก ทำไมเราถึงไม่คิดสร้างสินค้าเหล่านั้นขึ้นมาขายเองบ้าน ถ้าปล่อยไปอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นประเทศส่งออกนำเงินเข้าประเทศบ้าง”

         จากการรวบรวมเด็กๆ ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษกลุ่มนั้น ทำให้มีการร่วมกันคิดค้นผลงานที่น่าภาคภูมิใจในวันนี้นั่นก็คือ “หุ่นยนต์ดินสอมินิ” โดยที่มาของชื่อนี้ มาจากการนึกถึงสิ่งที่ใกล้ตัว อะไรที่ใช้อยู่บ่อยๆ เลยนึกถึง “ดินสอ” เพราะใครๆ ก็ใช้กัน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับหุ่นยนต์เลยก็ตาม ขณะนี้มีการพัฒนาหุ่นยนต์มาแล้วถึง 3 รุ่น จนถึงรุ่นล่าสุดนี้มีคุณสมบัติเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการให้ใช้ ได้แก่ หมอ พยาบาล ผู้ป่วย และผู้สูงอายุ เพราะสามารถใช้ได้ทั้งที่โรงพยาบาลและที่บ้าน เพื่อให้มีการติดต่อกับได้ตลอดเวลา ดังนั้น จึงพยายามผลักดันและประชาสัมพันธ์ให้หุ่นยนต์ตัวนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในโรงพยาบาลทั่วประเทศ

 

“หุ่นยนต์”ดูแลคนป่วย-ผู้สูงวัย ฝีมือเด็กไทยทางเลือกคนยุคใหม่

 

         สำหรับ “หุ่นยนต์ดินสอมินิ” ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังไฟ 220VAC-19VDC มีความสูงประมาณ 1 ฟุต ต้องเชื่อมต่อไวไฟเพื่อเริ่มต้นการใช้งาน เมื่อเริ่มทำงานจะมี 2 โหมด คือ โหมดสแตนด์บาย จะทำการมองหาและมองตามผู้สูงอายุอัตโนมัติ และโหมดกำลังทำงาน จะเกิดจากการรับคำสั่งจากทาง Mobile Application และการรับคำสั่งจากการแตะที่หน้าจอ เมื่อทำการสั่งการที่หน้าจอของหุ่นยนต์ดินสอ จะเข้าสู่โหมดการใช้งานโดยที่หน้าจอจะปรากฏเมนู

         ปัจจุบันมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลหลายแห่งสนใจที่จะให้หุ่นยนต์ดินสอมินิไปดูแลคนป่วย เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีแผนจะเปิดหวอดพิเศษที่ดูแลคนไข้ตลอด 24 ชม. หากต้องจ้างพยาบาลพิเศษดูแล ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ขณะเดียวกันคนทั่วไปเมื่อต้องทำงานติดต่อกันเวลานานก็จะรู้สึกเหนื่อย อาจจะทำให้อารมณ์ไม่ดีได้ หรือการเตือนเรื่องกินยาก็อาจคลาดเคลื่อนไปได้ หรือบางกรณีอาจจะไม่มีความซื่อสัตย์ อาจเกิดปัญหาอื่นตามมาภายหลัง

          ทั้งนี้ บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) ได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับบริษัท ซีทีเอเชีย จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายหุ่นดินสอมินิในประเทศไทย และเอเชีย ซึ่งได้เริ่มทำการตลาดแล้ว โดยบริษัทมีแผนจะให้โรงพยาบาลนำไปทดลองใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักและเห็นประโยชน์ของหุ่นยนต์ตัวนี้ ส่วนประเทศในเอเชียที่สนใจก็มีสิงคโปร์และเกาหลี สำหรับสนนราคาของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้กำหนดไว้ประมาณ 1.2 แสนบาท จะมีการเปิดตัวกองทัพหุ่นยนต์ครั้งแรก 1,000 ตัว ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559

          จากการที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายส่งเสริมนวัตกรรมไทยและสินค้าไทย เภสัชกร ดร.จิรศาสตร์ ไกรเลิศ ได้นำเสนอหุ่นยนต์ดินสอมินิตัวนี้ผ่านทาง ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรี เพราะนี่คือสินค้าไทยที่มีนวัตกรรมขั้นสูง ควรที่จะได้รับการสนับสนุนให้เป็นที่รู้จักและใช้อย่างแพร่หลาย เพราะเชื่อว่าหากสินค้าไม่ดีจริง ประเทศญี่ปุ่นคงไม่สั่งนำเข้าไปจำหน่าย หรือแม้แต่ประเทศสวีเดนก็ใช้หุ่นยนต์ตัวเล็กไว้สำหรับรับคำสั่งจากลูกค้า ส่วนหุ่นยนต์ตัวใหญ่เอาไปทำหน้าที่เสิร์ฟอาหาร ซึ่งไม่มีความผิดพลาดเลย เมื่อเทียบกับการจ้างพนักงานเสิร์ฟจะมีค่าจ้างสูงถึงเดือนละเกือบ 3 แสนบาท หากเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์เพียง 3 เดือนก็คุ้มแล้ว

          ในอนาคตผู้ผลิตมีจะแผนพัฒนาหุ่นยนต์ดินสอมินิ โดยทำแบบสำรวจความเห็นของผู้ใช้ทั้งหมอ พยาบาล ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ตรงใจผู้ใช้หรือไม่ ต้องการให้ปรับปรุง หรือเพิ่มเติมในส่วนใดบ้าง จะรวบรวมเพื่อนำไปพิจารณาต่อไป เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว โดยจะตั้งโจทย์ให้น้องๆ ที่เป็นแชมป์หุ่นยนต์โลก แชมป์ซอฟต์แวร์โลกว่า เมื่อได้โจทย์จากชีวิตจริงมาแล้ว ก็ต้องการให้พวกเขาทำตามโจทย์ ในเบื้องต้นจะพัฒนาให้หุ่นยนต์สามารถช่วยหยิบจับ เสิร์ฟยา เดินตามผู้สูงอายุ และในอนาคตเมื่อใส่โปรแกรมเพิ่มเข้าไป หุ่นยนต์จะมีความฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน สามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านสังคม ตลาด และเศรษฐกิจ

          “ตอนนี้ในวงการสาธารณสุขมีความพยายามพัฒนาหุ่นยนต์จ่ายยาขึ้นมา ซึ่งมีใช้กันแล้วที่ยุโรป เกาหลี เพราะเมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมาก เภสัชกรที่จ่ายยาก็เหนื่อยมาก อาจเกิดความผิดพลาดได้ จากผลวิจัยในต่างประเทศพบว่าเภสัชกรจ่ายยาเองจะมีความผิดพลาดประมาณ 3% ซึ่งหุ่นยนต์ดินสอก็จะอัพเกรดซอฟต์แวร์เพิ่ม เพื่อนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ