โดย - สันทนา รัตนอำนวยศิริ
ใครจะรู้บ้างว่า สาวสวยผู้บริหาร บริษัท มี อินฟินิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสมองและสายตา “I-DEE” (ไอ-ดี) “มุ่ย” สลิลาพร กองทองมณีโรจน์ เป็นลูกสาวของ ศรเทพศรทอง กองทองมณีโรจน์ ราชาเพลงลูกทุ่งชื่อดังในอดีต และเป็นเจ้าของธุรกิจโรงงานผลิตยาสมุนไพรและจำหน่ายยาสมุนไพร มากว่า 40 ปี จนสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักระดับประเทศ
ปัจจุบัน สลิลาพร กลายเป็นเจ้าผู้บริหาร บริษัท มี อินฟินิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสมองและสายตา “I-DEE” (ไอ-ดี) สืบทอดเจตนารมณ์การทำธุรกิจยาสมุนไพรต่อจากบิดา
สลิลาพร เล่าว่า ด้วยความที่เติบโตมากับยาสมุนไพรเห็นคุณพ่อทำมาตั้งแต่เด็กๆ จนกลายเป็นความชื่นชอบไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทยเภสัชกรรม และแพทย์แผนไทยเวชกรรม จนสำเร็จและสอบได้ใบประกอบโรคศิลปะมาได้
“จุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการทำธุรกิจของมุ่ย จากความคุ้นเคย และเป็นลูกไม้ใต้ต้นคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก จนมาวันนี้มุ่ยเป็นเจ้าของกิจการเอง ลงมือทำธุรกิจทั้งหมดด้วยตัวเอง นับว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก เพราะการแข่งขันทางการตลาดยาสมุนไพรมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คนไทยหันมาสนใจใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น ภาครัฐก็ให้การส่งเสริมด้วย ทำให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ แม้จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม”
แม้จะเหนื่อยบ้าง แต่ สลิลาพร ก็ไม่ท้อถอย เธอกลับฮึดสู้ ด้วยการเริ่มต้นวางขายผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัท ได้แก่ ICEBERG (ไอซ์เบิร์ก) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ชาย ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด จากความสำเร็จในผลิตภัณฑ์ตัวแรก เธอพัฒนาต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์กลุ่มที่แตกต่างขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร I-DEE (ไอ-ดี) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองและสายตา สำหรับกลุ่มคนอายุ 30–50 ปี ที่ต้องการการดูแลตนเองเป็นพิเศษ
สลิลาพร พยายามตีโจทย์ของกลุ่มเป้าหมายคือ คนรุ่นใหม่ที่เป็นวัยทำงาน ผู้สูงวัย ที่ใส่ใจในสุขภาพให้แตก ด้วยการมองว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวนี้ ถูกส่งมาเพื่อเป็นตัวเลือกในการบำรุงร่างกายให้แก่คนเมืองยุคดิจิทัล ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น “สังคมก้มหน้า” เล่นโซเชียลมีเดียในมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยลืมสนใจสายตาที่ทำงานหนัก และสมองที่ต้องค่อยจดจำเรื่องราวต่างๆ จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าได้เหมือนกัน
“จุดนี้แหละ ที่มุ่ยมองว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของเราต้องบำรุงสมองและสายตาเป็นหลัก เป็นการสร้างเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ของเราให้แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งตอนนี้ก็มองหาผู้ที่จะมาเป็นตัวแทนในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของเรา จนมาปิ๊งที่พี่ตือ สมบัษร ถิระสาโรช ที่ทำงานหนัก ใช้สมองและสายตาค่อนข้างมาก มุ่ยจึงชวนพี่ตือมาเป็นแบรนด์แอมบาสเตอร์ให้แก่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวนี้”
ด้วยความที่เป็นคนกระตือรือร้น ชอบเรียนรู้ในสิ่งที่ใหม่ๆ ทำให้ได้ทดลองทำงานหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว จัดรายการวิทยุ ผลิตรายการโทรทัศน์ ทำให้ได้เรียนรู้งานตั้งแต่เริ่มต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
“มุ่ยเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว คิดเรื่องงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดิน หรือขับรถ รถติดอยู่ จะนึกถึงเรื่องงาน เป็นนิสัยที่ซึมซับมาจากคุณพ่อ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจมาตั้งแต่แรก ดังนั้นแทบจะ 24 ชั่วโมงของเรา คือการคิดเรื่องงาน นอกจากเป็นคนชอบคิด ชอบทำ มุ่ยยังชอบทดลองด้วย ทำให้มุ่ยมีประสบการณ์หลายรูปแบบ จากงานหลากหลายที่มุ่ยได้มีโอกาสได้ทำ มุ่ยจึงหยิบประสบการณ์นั้นมาบริหารคนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะนี้ บริษัทของมุ่ยมีพนักงานกว่า 40 คน เน้นบริหารการทำงานให้เป็นระบบ คำนึงถึงความสัมพันธ์ในองค์กรควบคู่กันไปด้วย มุ่ยจะทำตัวเป็นเจ้านายที่ลูกน้องเอื้อมถึง”
สลิลาพรเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า พยายามสร้างความสัมพันธ์แบบครอบครัวให้เกิดขึ้นในที่ทำงาน ให้เกียรติกันและกัน เป็นเจ้านายที่พนักงานสามารถเดินเข้าหาได้ตลอดเวลา เราคุยกันทุกเรื่องเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด และเข้าใจตรงกันมากที่สุด
ขณะนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองและสายตา ไอ-ดี มีวางจำหน่ายแล้วที่ท็อปส์มาร์เก็ตทั้ง 85 สาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์เว็บไซต์ www.lazada.com พร้อมทั้งจำหน่ายผ่านตัวแทนและศูนย์ยาสมุนไพรศรเทพ 300 แห่งทั่วประเทศ
ล้อมกรอบ
“ตือ” สมบัษร ถิระสาโรช เมกอัพอาร์ติสท์ตัวแม่ ผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่น และออแกไนเซอร์ ตอบรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกให้แก่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไอ-ดี เล่าว่า พบกับสลิลาพรโดยบังเอิญเมื่อ 4 ปีก่อน ที่สนามบินนาริตะ ซึ่งเป็นวันที่เกิดพายุหิมะที่โตเกียว ทั้งคู่เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย ต่างคนต่างแอบมองและชื่นชอบกระเป๋าของกันและกัน
“พี่ตือแอบมองกระเป๋าใบที่คุณมุ่ยถือ แต่มารู้ทีหลังว่า คุณมุ่ยก็ชอบกระเป๋าใบที่พี่ตือถือเช่นกัน เราจึงได้รู้จักกัน เม้าท์กันตั้งแต่สนามบินนาริตะจนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เรารู้จักกันมากว่า 4 ปี เมื่อรู้ว่าคุณมุ่ยเป็นหมอปรุงยา มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านสมุนไพร ซึ่งขณะนั้นยิ่งได้รู้ว่าเธอกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้อยู่ พี่จึงได้ใช้เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพสมองและสายตาจากการทำงานหนัก ผลลัพธ์ที่ได้คือ รู้สึกสมองปลอดโปร่ง และความจำยังดีขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พี่กล้าจะรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ผลิตภัณฑ์ของเธอ” พี่ตือ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง