ข่าว

ไม่มุ่งกำไรเต็มใจบริการ(ผู้ป่วย) บอสใหญ่ไอแคช‘ศวิษฐ์’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คมคิดธุรกิจนิวเจน โดย สุรัตน์ อัตตะ   เรื่อง/ภาพ

          “ไม่อยากเป็นหมอ” คำสั้นๆ ที่พรั่งพรูมาจาก ศวิษฐ์ อุทัยเฉลิมหรืออับ บุตรชายคนสุดท้องของ รศ.นพ.วสันต์ อุทัยเฉลิม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือดและโรคหัวใจอันดับต้นๆ ของประเทศและแพทย์ประจำพระองค์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หลังเห็นภารกิจในอาชีพของผู้เป็นบิดาที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองและให้ครอบครัว เนื่องจากได้อุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้แก่วิชาชีพแพทย์การดูแลผู้ป่วย โดยไม่จำกัดวัน เวลาและสถานที่ แต่เขาก็มีความคิดและใฝ่ฝันในวัยเด็กที่อยากมีส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระพ่อหากมีโอกาสอำนวย
     
             ทว่าความคิดและความฝันของเขาในวันนั้นกลับเป็นความจริงในวันนี้ เมื่อเข้ามารั้งตำแหน่งผู้บริหารใหญ่ "ศูนย์ไอแคช คาดิโอ เมทาโบลิก เซ็นเตอร์ (iCATH CARDIO METABOLIC CENTER)" หรือศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภายใต้ความร่วมมือของโรงพยาบาลเทพธารินทร์และมูลนิธิเทพศิริก่อตั้งโดย ศ.นพ.ชลิต เชียรวิชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจที่นำวิธีการรักษาด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้กับผู้ป่วยเป็นคนแรกๆ ของประเทศ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และพัฒนาทรัพยากรทางการแพทย์โรคหัวใจโดยเฉพาะ  
   
             สำหรับศูนย์ไอแคช คาดิโอ เมทาโบลิก เซ็นเตอร์ ที่เขานั่งบริหารอยู่นั้น ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ภายใต้การควบคุมของบริษัท อินเตอร์เวนชั่น คอนเซ้าติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนก่อตั้งของบุคลากรทางการแพทย์โรคหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของรศ.นพ.วสันต์ อุทัยเฉลิม ที่ต้องการสานต่อปณิธานของผู้เป็นอาจารย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ด้วยการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีเครื่องอุปกรณ์การรักษาที่ทันสมัยไม่ต่างจากโรงพยาบาลดังทั้งหลาย ซึ่งได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2011
     
             ศวิษฐ์ยอมรับว่า แม้ไม่อยากเป็นหมอ แต่สุดท้ายก็ต้องมาทำงานที่เกี่ยวข้องกับหมอ เนื่องจากอยากจะเข้ามาช่วยคุณพ่อในการทำงานเพื่อสังคม โดยผ่านศูนย์ไอแคชที่ร่วมกับโรงพยาบาลเทพธารินทร์และมูลนิธิเทพศิริ ก่อตั้งโดยอาจารย์นพ.ชลิต เชียรวิชัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจขาดแคลนทุนทรัพย์และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์โรคหัวใจและเป็นแหล่งทุนการศึกษาสำหรับแพทย์ที่สนใจไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ส่วนบริหารจัดการศูนย์จะแบ่งอกเป็น 2 ส่วน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพทย์ผู้เป็นบิดาจะเป็นคนดูแล ส่วนเขาจะเน้นการบริหารงานทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพแพทย์ ไมว่าจะเป็นการออกแบบดีไซน์พื้นที่ในแต่ละโซน โดยใช้ความรู้ด้านสถาปนิกและงานออกแบบดีไซน์ที่ได้ร่ำเรียนมาบริหารจัดการศูนย์ให้เปรียบเสมือนบ้านอยู่อาศัยเพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกผ่อนคลาย
     
             “ผมจบตรีการบริหารจัดการวิศวกรรมจากสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรแล้วไปต่อโททางด้านแบรนด์เมเนจเมนท์ที่อิตาลี เป็นสาขาเกี่ยวกับการบริหารจัดการแบรนด์ ลักซูรี่แบรนด์หรือแบรนด์ชั้นสูง เลือกเรียนที่นี่เพราะไม่ใช่เป็นการเรียนในตำราอย่างเดียว แต่เขาจะเน้นออกไปดูของจริง ที่นี่มีอาจารย์เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์ดังๆ จากทั่วโลกมาสอน ผมถือว่าโชคดีได้อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นซีอีโอเก่าของพราด้า ทำให้ได้รับอะไรหลายๆ  อย่างมา ได้มีโอกาสไปทำคอนซัลท์โปรเจกท์ก่อนจบด้วย  เหมือนมีประวัติที่ดีกลับมา” บอสใหญ่ศูนย์ไอแคชย้อนอดีตให้ฟัง ก่อนกลับมาเมืองไทยรับงานที่ปรึกษาดูแลเรื่องแบรนดิ้งและบริหารโรงแรมระดับ 5 ดาวหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อีกทั้งยังเจียดเวลาทำหน้าที่อาจารย์พิเศษสอนเรื่องแบรนดิ้งให้แก่นักศึกษา คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกด้วย
     
             หลังโลดแล่นเก็บเกี่ยวประสบการณ์บริหารองค์กรธุรกิจอยู่ไม่นาน ในที่สุดก็มารับไม้ต่อจากผู้เป็นบิดาในการสร้างศูนย์ไอแคชเพื่อแบ่งเบาภาระในการดูแล โดยเน้นด้านการบริหารจัดการทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพแพทย์ ซึ่งเขายอมรับว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเจตนารมณ์ในการก่อตั้งศูนย์แห่งนี้เป็นศูนย์ธุรกิจที่ไม่ต้องการแสวงหาผลกำไร แต่เป็นการตอบแทนสังคมมากกว่า ฉะนั้นการหาพันธมิตรที่มีเป้าหมายตรงกันมาจับมือร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็น แต่โชคดีที่เจ้าของโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ศ.เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ มีอุดมการณ์เดียวกัน จึงอนุญาตให้ตั้งศูนย์ไอแคชขึ้นภายในโรงพยาบาลแล้วนำรายได้ (หลังหักค่าใช้จ่าย) ส่วนหนึ่งมอบให้แก่มูลนิธิเทพศิริเพื่อเป็นทุนในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ (โรคหัวใจ) และช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ต่อไป 
     
             “จากปณิธานคุณพ่อและเจ้าของโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ผมก็ได้ยึดตรงนี้เป็นหลักในการทำงาน เป้าหมายก็คือเราจะต้องทำให้ศูนย์ไอแคชเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือโซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ ไม่ได้มุ่งที่กำไรสูงสุด แต่เป็นการตอบแทนสังคมมากกว่าและก็ต้องทำให้มันอยู่ได้ด้วย ทั้งแพทย์เองและองค์กรต้องอยู่ได้ ซึ่งสิ่งที่เรามองมากกว่านั้นก็คือคุณภาพ อย่างอุปกรณ์ทางการแพทย์บางตัวมีที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่สำคัญก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่ให้แพงเกินไป โดยยึดการบริหารตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ศวิษฐ์เผยเป้าหมายสุดท้าย พร้อมวาดหวังในอนาคตจะมีการขยายสาขาศูนย์ไอแคชไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายเดียวกันในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดและหัวใจให้ได้รับการรักษาตามมาตรฐานสากล ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย แต่มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการรักษาโดยทั่วไป เพราะการบริหารไม่ได้มุ่งเน้นกำไร แต่การให้บริการตามมาตรฐานสากล
         
เส้นทางชีวิตและธุรกิจ“ศวิษฐ์ อุทัยเฉลิม”

             ศวิษฐ์ อุทัยเฉลิม หรืออับ ปัจจุบันอายุ 30 ปี เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 2 คน ของรศ.นพ.วสันต์และชลิดา อุทัยเฉลิม โดยคุณแม่ชลิดา เป็นนักสังคมสงเคราะห์อยู่ที่สภากาชาดไทย ส่วนพี่สาวศริยา ขณะนี้กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเภสัชศาสตร์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา หลังจบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ก็เข้าต่อในระดับปริญญาตรีที่สถาบันเทคโนโลยีสิรินธร สาขาการบริหารจัดวิศวกรรม จากนั้นบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อระดับปริญญาโทด้านการบริหารจัดการแบรนด์ชั้นสูงที่สถาบันโพลีโมด้า ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านออกแบบดีไซน์ระดับโลกที่เน้นการเรียนภาคทฤษฎีควบคู่ไปกับการทดลองปฏิบัติจริงเพื่อต้องการเรียนรู้ในการสร้างแบรนดิ้งและวิธีการสร้างสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม หลังจบก็กลับมาหาประสบการณ์ทำงาน ด้วยการรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการออกแบบดีไซน์และทำการตลาดให้แก่โรงแรมดังหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมร่วมลงทุนในบางโปรเจกท์ ก่อนมารั้งตำแหน่งผู้จัดการและกรรมการบริหารศูนย์ไอแคชอย่างเต็มตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา จวบจนปัจจุบัน  
                                                                

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ