ข่าว

'ฮอกไกโด มิลค์'สดจากฟาร์มไทยยกระดับคุณภาพเทียบชั้นนมญี่ปุ่น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ฮอกไกโด มิลค์'สดจากฟาร์มไทยยกระดับคุณภาพเทียบชั้น'นมญี่ปุ่น' : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดย...กุมุทนาถ สุตนพัฒน์

           เมื่อเอ่ยชื่อ ฮอกไกโด มิลค์ (Hokkaido Milk) คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะเป็นชื่อที่คุ้นเคยสำหรับนักดื่ม “นม” ประหนึ่งว่าเป็นนมสดๆ จากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ทั้งที่จริงๆ แล้ว เป็นนมสดที่มีเจ้าของเป็นคนไทย ที่สำคัญวัตถุดิบ ตั้งแต่น้ำนมดิบและทุกขั้นตอนการผลิตเกิดขึ้นในประเทศไทยนี่เอง แต่สามารถพัฒนาให้เป็นนมสดเข้มข้นคุณภาพเดียวกับฮอกไกโดได้สำเร็จ ถือเป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง

           คุณตุ้ย “วรวิทย์ วงศ์แสนประเสริฐ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอกไกโด โมริโมโตะ จำกัด ผู้ก่อตั้งนมพร้อมดื่มแบรนด์ Hokkaido Milk เล่าถึงแรงบันดาลใจในการก่อตั้งบริษัท ว่า เมื่อปี 2551 มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวชมฟาร์มโคนมที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น กับเพื่อนๆ ได้เห็นกรรมวิธีการเลี้ยงและขั้นตอนการผลิตนมสดจากเครื่องจักรที่ทันสมัย จนสามารถทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหากไปเที่ยวฮอกไกโดแล้วไม่ได้ชิมนมที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงเลยทีเดียว

           การเดินทางครั้งนี้้จุดประกายให้เขามีความสนใจที่จะทำธุรกิจนมสดคุณภาพญี่ปุ่นขึ้นมาทันที จึงไม่รอช้าที่จะเดินหน้าค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ จนในที่สุดได้เริ่มเปิดกิจการนมสดในปี 2553 ซึ่งจนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 6 ปีที่ Hokkaido Milk มีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนติดตลาดและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนไทยว่าเมืองไทยของเราก็มีนมสดๆ ในแบบฉบับญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน

           เมื่อถามว่าทำอย่างไรจึงสามารถผลิต “นมไทย” ให้มีคุณภาพไม่แตกต่างจาก “นมฮอกไกโด” ที่เป็นต้นตำรับ คุณตุ้ยบอกว่า แม้จะมีการทำสัญญาซื้อน้ำนมดิบ (คอนแทคฟาร์ม) จากฟาร์มโคนมในจังหวัดราชบุรี แต่บริษัทก็วางโปรแกรมกำหนดขั้นตอนการเลี้ยงและการผลิตให้ฟาร์มดำเนินการอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้น้ำนมดิบตรงตามมาตรฐานฮอกไกโด นอกจากนี้ ยังใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะสามารถผลิตนมสดพร้อมดื่มที่สด อร่อย เข้มข้น คุณภาพไม่ต่างจากนมจากฮอกไกโด

           “ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นครอบครัว อันประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกค้า ซึ่งเด็กๆ ที่ได้ดื่มนมฮอกไกโด มิลค์ ชื่นชอบกันมาก เพราะเป็นนมที่ไม่มีความคาว ทั้งกลิ่นและรสชาติ ทำให้ดื่มได้ง่าย ประกอบกับเรามีนมรสชาติหลากหลาย ลูกค้าสามารถเลือกดื่มได้ตามความต้องการ ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องคือ กลุ่มนักศึกษาและกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน”

           ปัจจุบันสาขาของ Hokkaido Milk มีจำนวนทั้งสิ้น 46 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และแฟรนไชส์ 12 แห่ง กระจายออกไปยังต่างจังหวัด โดยวางเป้าหมายเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 6 สาขาต่อปี มีทั้งการขายแฟรนไชส์และขยายสาขาเอง ซึ่งในส่วนของแฟรนไชส์ก็จะเน้นทำเลในห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โรงเรียน และแหล่งชุมชน ใช้เงินลงทุน 1.5-2.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ เริ่มตั้งแต่ 15-60 ตารางเมตร แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 4 แสนบาท ค่าบริหารจัดการ 5% ของยอดขายค่าการตลาด 2% ของยอดขาย และค่าการตลาดท้องถิ่น 2% ของยอดขาย ประเมินว่าระยะเวลาคืนทุนประมาณ 2 ปีครึ่ง โดยการตกแต่งสาขาจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่ดูทันสมัย บรรยากาศโดยรวมที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งดื่มนมฮอกไกโดที่ประเทศญี่ปุ่น

           นับเป็นความโชคดีที่ได้ไปเที่ยวฮอกไกโดและมีความประทับใจในสิ่งที่เราได้สัมผัส จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการผลักดันให้เราอยากลงทุนสร้างธุรกิจนี้ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง จนสามารถผลิตนมดีคุณภาพญี่ปุ่นให้คนไทยได้บริโภคโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปญี่ปุ่น"

           คุณตุ้ยยอมรับว่า การที่ใช้แบรนด์ Hokkaido milk เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเร่งให้ธุรกิจติดตลาดได้เร็วขึ้นและเป็นที่สนใจของลูกค้าคนไทย รวมทั้งชาวต่างชาติในเวลาอันรวดเร็ว ถึงตอนนี้บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพสินค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายให้ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องต่อไป ด้วยสโลแกน Human Better Life Value

           สำหรับ Hokkaido milk แบ่งสินค้าเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ นมสด มีรสชาติที่หลาก ได้แก่ รสธรรมชาติ กล้วยหอม ชาเขียวมัจฉะชาซีลอนช็อกโกแลตแคนตาลูปญี่ปุ่น White Choccolate นอกจากนี้ ยังมีรสชาติที่อิงเทศกาลต่างๆ ที่ญี่ปุ่นด้วย อาทิ ช่วงเทศกาลซากุระ จะผลิตนมรสซากุระ หรือช่วงเทศกาลดอกลาเวนเดอร์ ก็จะมีนมรสลาเวนเดอร์ด้วย โดยนำเข้าดอกลาเวนเดอร์จากเมืองฟุราโน บนเกาะฮอกไกโด ที่มีทุ่งลาเวนเดอร์เป็นที่รู้จักดี ถือเป็นการสร้างสีสันให้แก่ทางร้านและลูกค้าได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นมากที่สุด ซึ่งเทศกาลกาลพิเศษเหล่านี้ ก็มาจากเสียงเรียกร้องจากลูกค้านั่นเอง เมื่อทำออกมาก็ได้การตอบรับดีจากลูกค้า

           กลุ่มที่สองคือ ผลิตภัณฑ์จากนม ได้แก่ โยเกิร์ต พุดดิ้ง กลุ่มที่สามคือ ไอศกรีม แบรนด์ฮอกไกโด ซอฟ เจลลาโต และกลุ่มที่สี่คือ เบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ฮอกไกโด โมริโมโตะ จะมีทั้งคุกกี้ และเค้ก ที่ใหม่สดเสมอ

           คุณตุ้ยยังบอกอีกว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนจะเพิ่มสินค้าประเภทของฝาก โดยจะเป็นขนมสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีความเป็นญี่ปุ่นทั้งในด้านรูปร่าง รสชาติ โดยเฉพาะแพ็กเกจจิ้งที่น่าจะเป็นที่ถูกใจสำหรับผู้ที่หลงใหลความเป็นญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพื่อขยายฐานลูกค้าของฮอกไกโดให้กว้างขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าจะได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพแบรนด์ Hokkaido Milk ที่ชื่นชอบได้ด้วย คาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

           สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจนั้น ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดขายอีก 10% จากปี 2558 ที่มียอดขายประมาณ 130 ล้านบาท เรียกว่าอยากเห็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าจะเป็นไปในลักษณะของการก้าวกระโดด เพื่อจะได้สามารถควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันปริมาณน้ำนมดิบที่ผลิตได้ในปัจจุบันยังมีไม่มากพอที่จะเร่งทำยอดขายให้โตแบบก้าวกระโดด ถือว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวัตถุดิบด้วยเหมือนกัน โดยสัดส่วนรายได้ในปัจจุบันส่วนใหญ่มากจากผลิตภัณฑ์นม รองลงมาคือ กลุ่มเบเกอรี่และและไอศกรีม

           อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อขยายกำลังการผลิต ทำให้สามารถผลิตน้ำนมดิบเพิ่มเป็น 2,000 ลิตรต่อชั่วโมง จากเดิมผลิตได้ 500 ลิตรต่อชั่วโมง สามารถผลิตสินค้ารองรับความต้องการของตลาดได้มากขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้ หรือคาดหมายว่าในปี 2560 Hokkaido Milk จะเริ่มขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพของอาเซียน คือ กลุ่ม CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม เนื่องจากมองว่ายังมีโอกาสเจาะตลาดได้ 

           สำหรับประเทศที่มองไว้ในการเข้าไปเจาะตลาดอันดับแรกคือ สปป.ลาว เพราะเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ในแง่ของการเดินทางและขนส่ง โดยการฝึกอบรมพนักงานก็สามารถเดินทางจากลาวมาไทยได้สะดวก ขณะที่การขนส่งสินค้าก็ใช้เวลาไม่นานเกินไป ซึ่งแนวคิดนี้มีมานานแล้ว แต่ติดตรงที่สินค้านมมีระยะเวลาในการเก็บเพียง 12 วันในอุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส หากต้องขนส่งในระยะทางที่ไกลมากๆ อาจจะทำให้เน่าเสียได้ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาในจุดนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อยืดอายุการจัดเก็บให้นานขึ้น สอดคล้องกับการจัดส่งไปยังสาขาทั้งในและต่างประเทศ

 บัญญัติ 4 ประการ...ประตูสู่เส้นชัย

           “วรวิทย์ วงศ์แสนประเสริฐ” เล่าว่า การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา เจอบททดสอบมาไม่น้อยทีเดียว แต่สามารถผ่านมาได้ เนื่องจากลูกค้าเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยวิกฤติใหญ่ที่เจอคือ ช่วงที่เกิดสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ส่งผลกระทบต่อ Hokkaido milk ที่ประเทศไทยด้วย เพราะลูกค้ามีความกังวลเกี่ยวกับโรคในฟาร์มวัวนมของญี่ปุ่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับนมบริษัทเลย อย่างไรก็ตาม ความวิตกเหล่านั้นมีอยู่ไม่นาน เมื่อลูกค้ามีความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็กลับมาซื้อตามปกติ อีกกรณีคือ ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ ทำให้ไม่สามารถผลิตและขนส่งสินค้าได้ตามที่ลูกค้าต้องการได้ ทำให้ยอดขายลดลงไปมากเช่นกัน

           นับตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนทำธุรกิจจนถึงการก้าวเดินมาถึงจุดนี้ ผู้บริหารของฮอกไกโด มิลค์ บอกว่า ได้สรุปเป็นบทบัญญัติ 4 ประการ ที่ผู้ทำธุรกิจต้องพึงมี อันประกอบด้วย

           1.วิชาการ หมายถึงจะต้องศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูล ในรายละเอียดของธุรกิจที่จะทำให้มากที่สุด

           2.สังเกตการณ์ นั่นคือ จะต้องเป็นคนช่างสังเกตในสิ่งต่างๆ รอบตัว โดยเฉพาะสิ่งที่จะลงมือทำ เพราะช่วยให้สามารถก็บรายละเอียดได้มากที่สุด เกิดความผิดพลาดน้อย นำไปสู่ความสำเร็จ

           3.ประสบการณ์ เพราะไม่ว่าเราจะเคยทำงานหรือพบเจอสิ่งใดๆ มาก็ตาม ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะสร้างภูมิปัญญาในการคิดหรือทำงานต่างๆ ได้ทั้งสิ้น

           4.สถานการณ์ ซึ่งจะต้องสามารถจัดการกับอุปสรรคหรือปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ใด เพื่อให้สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมายให้ได้

           “อยากบอกว่า การทำธุรกิจไม่ใช่เนื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากคือ การหาสิ่งที่ชอบให้เจอ จากนั้นต้องใส่เต็มเข้าไปเต็มๆ เพื่อให้สำเร็จตามที่ฝันไว้ เมื่อทำแล้วต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง พนักงาน และลูกค้า สร้างเชื่อมั่น ไว้ใจเกิดขึ้นให้เกิด จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าอย่างมั่นคง”


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ