จริงหรือ?จอมโจรรุ่ง ดอนทราย-ดำหัวแพรคือศิษย์สายตรงพระทองเฒ่า

          สมณศักดิ์ที่ “พระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต” เจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ของพระอาจารย์ทองเฒ่า เจ้าอาวาสสำนักตักศิลามหาเวทย์วัดเขาอ้อ นั้น มีเอกสารบันทึกเอาไว้ชัดเจนว่า ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (นอกจากนั้นยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์อีกด้วย)

          พระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ ขณะอายุได้ ๗๘ ปี นั่นหมายความว่า ท่านเกิดในราวปี พุทธศักราช ๒๓๙๒

          แต่ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสสำนักวัดเขาอ้อเมื่อใดนั้น ไม่ปรากฏหลักฐาน แต่ชาวบ้านในถิ่นที่นั่น นิยมเรียกท่านว่า "พ่อท่านเขาอ้อ" เพราะต่างเคารพศรัทธาเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน และยอมรับกันว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังทางวิทยาคมไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป

          กล่าวกันว่า พระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) มีเส้นผมสีขาวงอกยาวอยู่หนึ่งกระจุกซึ่งไม่สามารถโกนออกหรือตัดให้ขาดได้ ว่ากันว่าพื้นเพถิ่นกำเนิดของท่านเป็นลูกหลานชาวบ้านสำนักกอ ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง บิดานั้นไม่ทราบชื่อ ส่วนมารดาชื่อ นางรอด ท่านเป็นพี่ชายคนโต และมีน้อง ๒ คน เป็นชายและหญิง ครอบครัวมีอาชีพทำนา

          ส่วนในการอุปสมบทจะเป็นเมื่อไร ที่ไหน ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดจนพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ก็หาได้มีใครทราบไม่ เพราะในสมัยโบราณนั้นไม่มีการจดบันทึกเรื่องราวใดๆ ไว้อย่างชัดเจนเหมือนชาวตะวันตกเขาที่นิยมการเขียน การจดบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้อย่างละเอียด นับเป็นเรื่องน่าเศร้าประการหนึ่งของผู้ที่สนใจในข้อมูลเอกสารทางประวัติศาสตร์ของไทยเรา ที่สุดท้ายหลายเรื่องราวกลายเป็นประวัติศาสตร์กระซิบ, เป็นมุกขปฐะ, นิทาน, ตำนาน เสียมากกว่า

          แต่มีเรื่องเล่ากันว่า ก่อนที่ท่านจะบวชนั้น ท่านได้ล้มป่วยมีอาการหนักมาก จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานบนบานศาลกล่าวว่า หากหายจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะบวชเป็นการถวายแก้บน หลังจากนั้นไม่นานอาการป่วยไข้ก็ทุเลาเบาบาง และหายไปในที่สุดอย่างน่าอัศจรรย์

          ซึ่งในกาลต่อมาได้อุปสมบทตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ และได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์เอียดเหาะได้ วัดดอนศาลา ซึ่งเป็นศิษย์สายสำนักวัดเขาอ้อมาตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน รวมไปถึงการร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์ทองหูยาน เจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ เพราะอย่าลืมว่า สำนักตักศิลาเขาอ้อสืบสานสรรพวิชาพุทธาคมกันยาวนานนับพันปี ตั้งแต่สมัยพราหมณ์รุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้

          กล่าวสำหรับวิชาพุทธาคม ไสยเวทของพระอาจารย์เอียดเหาะได้ว่า เหตุที่ท่านมีสมญาเช่นนั้นสืบเนื่องมาจาก ทุกวันพระ 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ ท่านจะ "ปล่อยของ” แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ด้วยการเหาะเหินเดินอากาศ โดยพระอาจารย์เอียดเหาะได้ ท่านจะเหาะจากวัดดอนศาลา ซึ่งห่างจากเขาอ้อไปประมาณ ๔ กิโลเมตร เพื่อไปบำเพ็ญภาวนาในถ้ำที่วัดเขาอ้อเป็นประจำ

          ชาวบ้านหลายคนได้พบเห็นเป็นประจักษ์ต่อสายตา จึงได้ขนานนามท่านว่า "พระอาจารย์เอียดเหาะได้"

          กล่าวสำหรับ พระอาจารย์ทองเฒ่า ท่านได้ชื่อว่ามีตบะบารมีสูงส่งทีเดียว ถึงกับเคยตวาดคนครั้งเดียวจนเป็นบ้าได้ และเป็นผู้ที่เข้มงวดกวดขันกับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างยิ่ง หากพบเห็นว่าทำสิ่งใดไม่ถูกต้องก็จะตำหนิติเตือน ทั้งนี้ก็ด้วยความปรารถนาดีที่อยากให้ศิษย์ของท่านได้ดีในวิชาพุทธาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณ นอกจากนี้มีการยืนยันกันว่า ท่านคือผู้สืบทอดพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดของสำนักวัดเขาอ้อ คือ พิธีอาบว่านแช่ยา พิธีหุงข้าวเหนียว พิธีป้อนน้ำมันงา ซึ่งในสมัยท่านเป็นพิธีกรรมที่เข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง

          และในกาลต่อมาท่านได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้อาจารย์ปาล ปาลธัมโม ศิษย์เอกของท่านผู้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อต่อจากท่านและพระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม คือผู้ที่ถ่ายทอดสรรพวิชาแช่ว่านรางยา หุงเหนียวกินมันนี้ให้แก่ อาจารย์เปลี่ยน หัทยานนท์ ลูกศิษย์คนสุดท้ายที่ท่านถ่ายทอดเคล็ดวิชาทั้งหมดให้ด้วยวาจาก่อนจะไม่พูดกับใครอีกเลยตลอดระยะเวลา ๖ ปีก่อนมรณภาพ !!

          ซึ่งถ้าหากเราจะถอดรหัสเงื่อนเวลาว่า ชุมโจรแห่งบ้านดอนทราย ที่นำโดยหัวหน้าชุมโจรที่มีนามว่า รุ่ง ดอนทราย และบรรดาลูกสมุนบริวารทั้งหลายนั้นเข้ามาเป็นศิษย์ของสำนักวัดเขาอ้อในช่วงเวลาใด และพระอาจารย์รูปใดเป็นเจ้าอาวาส
จะพบว่า...

          รออ่านต่อในตอนหน้านะครับผม 
          เอก อัคคี  ปล.ในภาพคือ ผู้เขียนขณะทำพิธีแช่ว่านรางยาในถ้ำฉัททันต์บรรพต โดยมี อ.เปลี่ยน หัทยานนท์ ศิษย์เอก อ.ปาล ปาลธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ เป็นเจ้าพิธีกรรม