บรรดานักสเก็ตช์ภาพ มารวมตัวกันสเก็ตช์ภาพจำของ “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ” ก่อนที่โรงแรมหรูใจกลางกรุง จะเหลือเพียงตำนาน
หลายคนที่สัญจรไปมาผ่านบริเวณหัวมุมถนนสีลม ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อาจจะอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นบรรดานักสเก็ตช์ภาพ มารวมตัวกันสเก็ตช์ภาพจำของ “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ” ก่อนที่โรงแรมหรูใจกลางกรุง ที่ยืนหยัดเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานคร มายาวนานกว่า 48 ปี จะยุติการให้บริการในวันที่ 16 เมษายน 2561 ซึ่ง สุกัญญา จันทร์ชู ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ บอกว่า กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่จัดขึ้นเพื่อส่งท้าย “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” ซึ่งมุ่งหวังที่จะสร้าง “ภาพจำ” ตลอดจนความประทับใจที่ทุกคนมีต่อดุสิตธานี ซึ่งเธอเชื่อว่า ทุกคนจะรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งเมื่อนึกถึงและพร้อมที่จะเฝ้ารอการกลับมาของดุสิตธานีในอีก 3 ปีข้างหน้า และโอกาสนี้เจ้าตัวยังได้ย้อนภาพจำในใจ 5 เรื่อง ให้ทุกคนได้ร่วมกันหาคำตอบไปพร้อมกันว่า “คุณรู้หรือไม่”
สุกัญญา จันทร์ชู
เริ่มต้นจาก คุณรู้หรือไม่ว่า ชื่อ “ดุสิตธานี” นั้น ตั้งชื่อตามเมืองจำลองรูปแบบประชาธิปไตยที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ประสงค์จะสร้างขึ้น และพระราชทานนามว่า “ดุสิตธานี” และยังเป็นชื่อของสรวงสวรรค์ชั้น 4 ซึ่งการออกเสียงไพเราะ และมีความหมายอันเป็นมงคลแก่ผู้ที่เข้าพัก
และคุณรู้หรือไม่ว่า ห้องนภาลัย บอลรูม เป็นห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น และเป็นจุดเปลี่ยนแปลงวิถีการจัดงานแต่งงานของคนสมัยให้เริ่มมาจัดงานที่โรงแรม แทนสถานที่จัดเลี้ยงอื่นๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้น ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของดุสิตธานีจนถึงวันนี้
คุณรู้หรือไม่ว่า ห้องไลบรารี่ 1918 ที่มาของชื่อ “ไลบรารี่” เป็นห้องจัดเลี้ยงน้ำชาที่จัดให้คล้ายพระบรมราชานุสรณ์ในรัชกาลที่6 ซึ่งมีเอกสารพระราชกรณียกิจ มีภาพถนน บ้านเรือนและอุปกรณ์ที่หาชมได้ยากในยุคนั้น ส่วนเลข 1918 มาจากปีที่พระองค์ทรงสร้างเมืองประชาธิปไตย ในปี พ.ศ.2461 ซึ่งตรงกับปี ค.ศ 1918
คุณรู้หรือไม่ว่า ห้องอาหารไทยห้องแรกชื่อห้องสุโขทัย เน้นการออกแบบโดยใช้ไม้สัก โดยอาจารย์จากกรมศิลปากร ซึ่งที่นั่งสำหรับรับประทานอาหารนั้น จะเป็นแบบเจาะหลุมนั่งห้อยขา ภายในห้องอาหารมีการแสดงรำไทยให้ชาวต่างชาติได้ชม จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นห้องบุษราคัม และเปลี่ยนเป็นห้องเบญจรงค์ เน้นอาหารไทยแท้แบบชาววัง จนปัจจุบัน ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นอาหารแนวร่วมสมัย
และคุณรู้หรือไม่ว่า ห้องอาหารแฮมิลตันส์ สเต็กเฮ้าส์ ได้ถูกตั้งชื่อตามเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนแรก คือ แฮมิลตัน คิง ซึ่งต่อมาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยผู้มีอำนาจเต็มคนแรก
สุกัญญา บอกด้วยว่า ทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันสุดท้ายในวันที่ 16 เมษายน 2561ก็เพื่อให้ทุกคนที่รักและผูกพันกับดุสิตธานี ได้ร่วมกันเก็บภาพความทรงจำที่ดีแบบนี้ไว้ ให้ดุสิตธานีเป็นความสุข เป็นความอบอุ่น และทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่หลังจากนีดุสิตธานีมีความยินดีอย่างยิ่งหากหน่วยงานหรือองค์กรใด สนใจที่จะร่วมจัดกิจกรรมเพื่อสร้างภาพจำของดุสิตธานีใน 48 ปีที่ผ่านมาไปด้วยกันภาพจำที่ไม่ใช่การร่ำลา แต่เป็นการเริ่มต้นรอคอย The New Chapter ไปพร้อมกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง