กรณีเหตุเด็กชายวัย 13 ปี ซิ่งบิ๊กไบค์ชนกับรถ จยย. และไถลไปชนกับรถยนต์ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
กรณีเหตุเด็กชายวัย 13 ปี ซิ่งบิ๊กไบค์ชนกับรถ จยย. และไถลไปชนกับรถยนต์ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณหน้าตลาดศรีอรุณ อ.สันกำแพง ตามที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดคุณพ่อของเด็กชายวัย 13 เผยว่าหลังทราบเรื่องที่ลูกชายประสบอุบัติเหตุก็รีบไปที่เกิดเหตุทันที โดยลูกชายยังมีสติดีและเจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งลูกชายเล่าให้ตนฟังว่ามีรถจักรยานยนต์ขับออกมาจากข้างทางตัดหน้า ซึ่งพยายามหลบหลีกแล้วแต่ไม่พ้น
นอกจากนี้คุณพ่อยังโต้ข่าวที่ก่อนหน้านี้บอกว่าลูกชายตนขาขาดนั้น ไม่เป็นความจริง โดยลูกชายได้รับบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าด้านซ้ายหักและกระดูกเท้าซ้ายเปิด เป็นแผลได้รับการผ่าตัดรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่สภาพจิตใจของลูกชายยังมีกำลังใจดี
ส่วนกระแสโซเชียลที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่ให้ลูกชายอายุเพียง 13 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้น พ่อเด็กบอกว่าเสียใจและขอโทษที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้วทำให้หลายคนอาจจะไม่สบายใจ ซึ่งทุกคนสามารถสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพียงแต่ขอวิงวอนให้อยู่ในขอบเขต และคำนึงถึงสภาพจิตใจของลูกชายตัวเองบ้าง ตนยืนยันว่าก่อนที่จะยินยอมให้ลูกชายขับขี่และซื้อรถให้นั้น ได้มีการทำความเข้าใจตกลงกันแล้วให้ลูกชายปฏิบัติตามกฎและยอมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้มีการเข้าคอร์สเรียนการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูงจนมีความชำนาญในการขับขี่พอสมควร รวมทั้งเคยลงแข่งมาแล้วหลายสนามและได้รางวัลด้วย
ทางด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยระบุว่า "ผมว่าบิดามารดาหรือผู้ปกครองเด็กรายนี้เข้าข่ายเป็นผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิดต้องรับโทษ
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๒๖ (๓) บัญญัติว่า..ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งมีโทษตามกฎหมายอื่นที่หนักกว่าก็ให้ลงโทษตามกฎหมายนั้น
กรณนี้ผมมิได้คิดซ้ำเติม แต่อยากให้สังคมตระหนักรู้ว่า นอกจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำตามที่กำหนดในกฎกระทรวงและต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจตามมาตรา ๒๓ แล้ว ยังต้องรับโทษกรณีที่เป็นผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิดอีกด้วย เพื่อจะได้ไปอธิบายเด็กในกำกับหรือปกครองว่าไม่สามารถให้ตามที่เด็กร้องขอได้ เพราะมันผิดกฎ รวมถึงจะทำให้กลุ่มพ่อแม่รังแกฉันโดยรู้เท่าไม่ถึงการจะได้ให้ความระมัดระวังมากขึ้นครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง