Program Online

ทำไมพี่ตูนถึงเดิน? ทั้งๆ ที่วิ่งแค่ 11 กิโลเมตร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทำไมพี่ตูนถึงเดิน? ทั้งๆ ที่วิ่งแค่ 11 กิโลเมตร

'เบลล์' ชายชาญ ใบมงคล หนึ่งในทีมงานก้าวคนละก้าว โพสต์เล่าเรื่องราวในระหว่างที่วิ่งเซ็ทสุดท้ายระยะทาง 11 กิโลเมตร จากศาลากลาง จ.ขอนแก่น ไปสนามกีฬากลาง จ.ขอนแก่น แล้วจู่ๆ 'พี่ตูน' ก็หยุดวิ่งและมีสีหน้าที่ตึงเครียด โดยเนื้อหามีดังต่อไปนี้ 

 

ทำไมพี่ตูนถึงเดิน? ทั้งๆ ที่วิ่งแค่ 11 กิโลเมตร

ในการวิ่งครั้งใหม่ของก้าวนั้น เราได้ไอเดียมาจากการวิ่งของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า "เอคิเด็ง" ซึ่งเป็นการวิ่งแบบส่งต่อสายสะพาย นักวิ่งแต่ละคนในทีมทุ่มเทสุดชีวิตในการนำพาสายสะพายเส้นนั้นไปให้เร็วที่สุด ตอนเข้าจุดเปลี่ยนแทบจะพุ่งตัวกระโดดโหม่งแล้วส่งต่อสายสะพายนั้นให้นักวิ่งคนต่อไป

เราก็ทำอะไรคล้ายๆ แบบนั้นแหละ ที่แตกต่างคือ นักวิ่งในทีมก้าวรวมถึงดาราหลายท่านออกมาวิ่งสลับกันไปมาเป็นช่วงๆ อาจไม่ได้ทำความเร็วเท่าการแข่งขันจริงแต่ผลัดกันวิ่งสลับไปมาไม่หยุด ไม่เหมือนก้าวคราวเบตงแม่สายเป็นก้าวฉบับย่อแต่เข้มข้นเพราะแทบจะไม่มีการพักระหว่างเซ็ทเลยมาถึงส่งสายสะพายแล้วไปต่อนักวิ่งมาแชล กับทีมหมอถึงกับจะต้องรีดแรงเฮือกสุดท้ายในชีวิตออกมาใช้กับก้าวที่อีสานครั้งนี้ ขนาดพี่แดน พี่ซัน พี่เอียด ที่เป็นนักวิ่งอาชีพยังหมดแรงนับประสาอะไรกับพี่ตูน

ก้าวครั้งนี้พี่ตูนทำหน้าที่เหมือนเจ้าบ้านวิ่งนำ วิ่งตามในขบวน รับเงินบริจาค และวิ่งเข้าซอกซอยที่ประชาชนมารอรับ โดยให้นักวิ่งที่นำขบวน วิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ บางทีก็มานั่งยิ้มหวานบนรถพากษ์เป็นนางกวักรับเงินบริจาคอยู่ในทุกพื้นที่...อย่างมีความสุข แต่ด้วยความเป็นแก ที่ทำอะไรไม่เคยกั๊กก็เลยวิ่งเยอะเกิน 2 วันวิ่งรวมกันไป 100 กิโลเมตรและหลายช่วง วิ่งติดต่อกัน 10-20 กิโลเมตร โดยไม่ได้พักมาถึงและไปต่อเลย อากาศก็ร้อนแดดแรง แรงแบบที่คนทำงานออฟฟิศไม่ยอมเดิน แต่ทางนี้คือวิ่งตากแดดกันยาวๆ สะสมความร้อนในร่างจนแทบจะระเบิด แต่ไม่มีใครหยุด...ยังคงเดินหน้าและไปต่อ

สิ่งที่สวยงามของงานก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆก็คือ นักวิ่งทุกคนเข้าใจ...และมีหัวใจเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นดาราคนไหนที่ได้นำขบวนก็มีจิตวิญญาณเดียวกัน วิ่งไม่หยุด คุณย่าคุณยายอยู่ข้างทางก็เข้าไปกราบไหว้ วงดนตรีเล่นก็เข้าไปเอนเตอร์เทน ประชาชนก็ตื่นเต้นดีใจให้การต้อนรับแม้ในขบวนจะมีหรือไม่มีพี่ตูน ทุกๆ คนเป็นส่วนเติมเต็มเล็กๆ ของกันและกัน จนมาถึงจุดวิ่งสุดท้ายในระยะ 11 กิโลเมตร ศาลากลางจังหวัด ถึง สนามกีฬาพี่ตูนและเหล่าดารารวมตัวกันที่หน้าจุดสตาร์ทและเริ่มวิ่งกับประชาชนเรือนหมื่นด้วยกัน

เหมือนว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีแต่พอถึงช่วงครึ่งทางของการวิ่ง พี่ตูนก็เริ่มเดินเดินเอาจริงเอาจังหน้าก็เครียดๆ ตึงๆ ผมเห็นเขาในจังหวะนั้น ก็รู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติ
แต่ปากก็ยังพูดตลกไร้สาระไปเรื่อยเพราะไม่อยากให้ผู้ชมไลฟ์เครียด มองไปทางเฮียดมกับพี่โด๋วก็รู้ เราต่างทำหน้าที่ของกัน เฮียดมปีนออกข้างรถพากษ์ เพื่อเอนเตอร์เทนคนข้างทางสร้างสีสัน พี่โด๋วช่วยบรรยายเส้นทางการวิ่งและปล่อยมุข 3 บาท 5 บาทกับผม พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมใจบริจาค

พี่ตูนเดินไประยะหนึ่งก็สามารถวิ่งได้ต่อและใกล้เข้าถึงในช่วงเส้นชัยเราจึงได้เบาใจว่า ไม่มีอะไรหนักหนาเดี๋ยวเสร็จงานค่อยไปถามไถ่อาการกับเจ้าตัว ทีมงานและดาราทุกคนหลังเข้าเส้นชัยก็กายภาพกันหนักหน่วง นอนกองกันหลังเวทีระเนระนาดผมรีบขึ้นไปที่รถบ้านเพื่อดูอาการพี่ตูน เจอพี่ตูนนั่งซึมอยู่บนเก้าอี้ ขอบตาลึก ผิวไหม้ แขนขาแดง เหมือนคนหมดเรี่ยวแรงสุดท้ายไปแล้ว แต่สายตายังมีประกาย ผมถามว่าเป็นไงบ้าง? ตูนยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า..."หมดแรงครับ"

แต่ก็ยังหันมาถามไถ่เรื่องคอนเสิร์ตบนเวที ผมเห็นว่า หน้างานยังไม่จบเท่านี้ ยังมีพี่ป๋อง พี่แจ๊คเล็ก รับหน้างานรับนักวิ่งอยู่และแกพูดกันสองคนมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว

เราช่วยอะไรได้บ้าง?

ผมจึงมุ่งหน้าออกไปหา พี่ป๋องพี่แจ๊ค เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ให้ เรื่องทางเข้าออกและชักชวนเพื่อนๆ นักวิ่งให้ไปเจอกันที่เวทีคอนเสิร์ต พี่ชายทั้งสองก็ใจดี เอนเตอร์เทนทุกคนในงานกันแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ขนาดส่งสัญญาณไลฟ์ไปเวทีใหญ่แล้วก็ยังไม่หยุดช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ พี่แจ๊คบอกว่า ยังรอพี่เต๋า สมชาย อยู่ เพราะไม่เข้าเส้นชัยมาเสียทีเราเลยยืนพูดประชาสัมพันธ์กันอย่างนี้รอจนกว่าพี่เต๋าจะมา พี่เต๋าเดินหิ้วปีก ก้อง ห้วยไร่ที่เจ็บขาเข้ามา โคตรเท่...

ผมกลับไปที่รถบ้านเจอเฮียดม แกเสนอไอเดียว่า อยากจะย้ำไอเดียเรื่องพลังเล็กๆ กับคนไทย เลยขึ้นเวทีชวนทุกๆ คนในงาน รวมถึงคนไทยให้ sms พร้อมกันอีก 1 ครั้ง ขอจากทุกๆ คนที่เชื่อเหมือนกัน คนละ 10 บาท จากยอดบริจาค 49 ล้านบาท กลายเป็น 51 ล้านทันที...

เรากระโดดโลดเต้นกันอย่างลืมตัวดีใจทีความเชื่อเล็กๆ ของเราเป็นจริง ยังไม่ทันไร เสียงดนตรีเพลงแสงสุดท้ายก็ดังขึ้น พี่ตูนวิ่งออกมาร้องเพลงเหมือนเป็นคนละคน กับที่หมดแรงนั่งซึมคาเก้าอี้เมื่อกี๊... ไปเอาแรงจากไหนมาอี๊ก..

แกพยักเพยิดชวน พี่โดม ปกรณ์ ลัม ชวน พี่ต๊ะ พิภู ชวน พี่ป๋อง พี่แจ๊คเล็ก และ แก๊งค์ 3 เฒ่า ขึ้นไปร้องเพลงกับแกด้วย ผมเคยยืนๆ โยก อยู่ด้านหลังในขณะที่แกกำลังร้องเพลงก็หลายงาน  แต่ก็ไม่เคยเห็นระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อนแบบที่ยืนอยู่ข้างหลังแกบนเวทีจริงๆ หลังพี่ตูนก็เหมือนหลังคนทั่วไป...จะเล็กกว่าเค้าด้วย แต่หลังแผ่นก็นี้แบกรับทุกเรื่องเอาไว้มากมาย สุข ทุกข์ ทรมาน บางครั้งเจ็บทั้งกายใจ แต่เลือกที่จะสื่อสารเฉพาะด้านดี ทำในสิ่งที่เชื่อ และไปให้สุดจนถึงแสงสุดท้าย จริงๆ

เราจบค่ำคืนนี้อย่างทรมานกายแต่ใจอิ่มเอม ผมกลับไปบนรถบ้านอีกทีเห็นพี่ตูนนอนแน่นิ่งครึ่งบนอยู่บนเตียง ครึ่งล่างอยู่บนพื้นเหมือนแรงจะปีนเตียงยังไม่มี เฮียดมยังพอไหว แต่พี่โด๋วแน่นิ่งไปเลย ผมเองก็แทบจะสติขาดลอยไปเหมือนกัน นับไปเล่นๆ เราสามเฒ่าพากษ์กันไปกว่า 30 ชั่วโมง คนบ้าเท่านั้นจะคุยกันได้นานขนาดนี้

แต่ใช่ว่างานจะเสร็จสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้ ยังต้องการเงินบริจาคอีกมากเพื่อที่จะมอบให้ 8 โรงพยาบาล ซึ่งยังรับบริจาคจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ช่วยกันครับคนไทย อยากให้ปลายทางของมันเป็นเครื่องมือดีๆ ที่ได้ช่วยเหลือคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าทุกๆ คนเชื่อว่าเราคือ 1 ในพลังเล็กๆ ที่สามารถทำสิ่งใหญ่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ เมื่อนั้น...มันก็จะเกิดขึ้นครับ

 

 

 
ไลฟ์การวิ่งเซ็ทสุดท้าย
 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ