ตร.ปะทะผู้ชุมนุมที่ฮ่องกง มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 70 ราย

เมื่อวานฮ่องกงต้องเจอกับเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีน เมื่อตำรวจต้องใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในรัฐสภา รวมถึงปิดกั้นถนนในเขตศูนย์กลางการเงิน มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 70 ราย

ความรุนแรงเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังกลุ่มผู้ชุมนุมยึดเส้นทางสายสำคัญในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงเช้า และเข้าล้อมรัฐสภา ทำให้บรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติต้องเลื่อนการอภิปรายแก้ไขร่างกฏหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีน ทางผู้บริหารสูงสุดเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง นางแคร์รี่ หล่ำ ที่สนับสนุนการแก้ไขกฎหมาย บอกว่าการประท้วงครั้งนี้เป็นการจลาจลที่มีการจัดตั้ง และเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย เพราะการจลาจลที่ทำลายสังคมที่สุขสงบ ละเมิดกฏหมายและหลักการ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้สำหรับสังคมที่มีอารยะใดๆ และประกาศจะไม่ถอนการแก้ไขกฏหมายตามที่กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้อง เนื่องจากต้องการปิดช่องโหว่ทางกฏหมายที่ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นที่หลบซ่อนตัวของผู้ที่หลบหนีการกระทำความผิด ในขณะเดียวกันก็จะมีระบบที่จะคุ้มครองกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลปักกิ่ง ไม่ให้กฏหมายนี้เอื่อมถึงได้ปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างความวิตกให้กับนานาประเทศ อย่างสหภาพยุโรปก็บอกว่า สิทธิของฮ่องกง จำเป็นต้องได้รับความเคารพ ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็แสดงความหวังว่ากลุ่มผู้ประท้วงจะสามารถทำงานกับรัฐบาลปักกิ่งได้ ภาพความรุนแรงในฮ่องกงล่าสุดนั้นเหมือนกับสมัย "ขบวนการร่ม" ปี 2557 เมื่อผู้ประท้วงที่ออกมาเรียกร้องสิทธิทางประชาธิปไตยมากขึ้นได้พากันปิดเมืองเป็นเวลาถึง 2 เดือน และปะทะกับตำรวจ แต่ก็ไม่ได้รับอะไรตามที่เรียกร้องจากปักกิ่งและในครั้งนี้ ก็ชัดเจนว่าตำรวจมุ่งมั่นที่จะไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงยึดพื้นที่ใด ๆ ได้ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงก็ตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยก้อนอิฐ ขวดน้ำ และแผงเหล็กกั้น แก๊สน้ำตาของตำรวจอาจจะทำให้ฝูงชนแตกกระเจิง แต่ตำรวจก็ต้องทำงานกันแบบแมวจับหนูจนถึงช่วงค่ำ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงก็ถอยร่นมายังเขตศูนย์กลางการพาณิชย์ ทำให้เมืองตกอยู่ในสภาพชะงักงัน งานนี้ทั้งผู้ประท้วงและตำรวจต่างก็บาดเจ็บ ขณะที่ตำรวจก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันด้วยความอดทนอดกลั้น จนกระทั่งพวกม็อบพยายามบุกเข้ามาในรัฐสภา และพยายามโจมตีแนวป้องกันของตำรวจอยู่ตลอด ขณะที่ตลาดหุ้น ก็ร่วงลงมา 1.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อปิดตลาด