นักการเมืองกับการถือหุ้นสื่อ เผือกร้อนที่คอยตามเช็คบิล

การเปิดศึกระหว่างพรรคการเมืองแฉปมการถือครองหุ้นสื่อลามหนัก เริ่มจากหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ลามไปถึงลูกพรรคที่ถูกร้องให้ตรวจสอบรวดเดียว 11 ราย ตอนนี้ พลังประชารัฐ ก็เป็นอีกพรรคที่ต้องเตรียมตั้งรับกับปัญหานี้

รายแรกของพรรคพลังประชารัฐ คือ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 15 กทม.ที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค ชาญวิทย์ วิภูศิริ ซึ่งถูกร้องให้ กกต.ตรวจสอบการถือหุ้นสื่อ หอบเอกสารเข้าพรรค เพื่อชี้แจง หัวหน้าพรรค และ กรรมการบริหารพรรคว่า บริษัท ที่ถูกร้องเรียน เป็นบริษัท ที่ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ แต่จดแจ้งวัตถุประสงค์ การประกอบกิจการ ในหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อหนึ่งว่า ประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์มีรายงานว่า ที่ประชุมประเมินว่า อาจมีกรรมการบริหารพรรค อีกอย่างน้อย 2 คนอาจถูกร้องเรียนในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นเพียงการจดแจ้งวัตถุประสงค์การทำธุรกิจตามแบบฟอร์มของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในทางปฏิบัติไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ ยังมีว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อวทันยา วงษ์โอภาสี ที่อยู่ในข่ายนี้ด้วย แต่ประเมินว่า ในทางนิตินัย คุณสมบัติ ไม่ขัดกับการเป็น ส.ส.แต่อาจถูกใช้ประเด็นโจมตี การเมืองท้าที่สุดหากถูกชี้ว่า "ผิด" ก็ไม่ถึงขั้นยุบพรรค และเป็นเรื่องคุณสมบัติของตัวบุคคลส่วนกรณีพรรคอนาคตใหม่ หัวหน้าพรรคมีนัดที่จะเข้าชี้แจง เรื่องการครอบครองหุ้น วั ลัก มีเดีย ขณะที่วันนี้นายศรีสุวรรณ จรรยายื่นร้อง กกต.อีก 11 ราย หนึ่งในนั้น มีทนายคารม พลพรกลาง ที่ประกาศ จะใช้สิทธิฟ้องกลับ ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ