Program Online

(คลิป) แยกชิ้นส่วนบ้านลอยน้ำกลางทะเลภูเก็ต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แยกชิ้นส่วนบ้านลอยน้ำกลางทะเลภูเก็ตสำเร็จแล้ว จนท.เร่งทำการลากเข้าฝั่ง ขณะที่การดำเนินคดีมั่นใจมีหลักฐานเอาผิดได้แน่นอน

ปฎิบัติการการรื้อและเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำตามแนวทางของกลุ่ม Seasteading บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ที่บริเวณละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 14 ไมล์ทะเล หรือ ประมาณ 22 กิโลเมตร เพื่อนำกลับมายังท่าเทียบเรือน้ำลึกจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากบ้านลอยน้ำเป็นวัตถุพยานที่สำคัญในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดโดยทีมปฎิบัติงานประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาพที่ 3, ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล. ภาค 3 ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนแขนงต่างๆ พร้อมด้วยเรือหลวงศรีราชา ซึ่งเป็นเรือฐานในการกำกับควบคุมการปฏิบัติการ และเรือลำเลียง อีก 2 ลำ คือ เรือหลวงมันใน สำหรับบรรทุกวัตถุลอยน้ำ 8 เหลี่ยม ซึ่งเป็นตัวบ้าน และเรือหลวงริ้น สำหรับการลากจูงในส่วนของเดือยหรือทุ่นลอยน้ำ เพื่อนำกลับเข้ามายังฝั่งภูเก็ตล่าสุดแยกชิ้นส่วนบ้านลอยน้ำกลางทะเลภูเก็ตสำเร็จแล้วเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (22 เมษายน 2562)

 

ทีมปฎิบัติงานได้เข้าปฏิบัติการในการติดตั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ และแยกวัตถุระหว่างตัวอาคาร 8 เหลี่ยม ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 6 เมตร และเดือยหรือทุ่นลอยน้ำ ซึ่งเป็นฐานมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร ออกจากกัน ด้วยความเรียบร้อย มั่นใจว่าการเคลื่อนบ้านวันนี้สามารถทำได้ประสบความสำเร็จและนำวัตถุพยานทั้ง 2 ส่วนกลับถึงฝั่งได้แต่ต้องมีการเปลี่ยนแผนในการนำกลับเข้าฝั่ง จากเดิมที่จะใช้เรือหลวงมันในบรรทุกอาคาร 8 เหลี่ยม กลับขึ้นฝั่ง แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีขนาดใกล้เคียงกับช่องทางเข้าเรือ ทำให้ต้องใช้วิธีลากกลับเข้าฝั่งแทน ส่วนของการลากตัวเดือยหรือทุนยังคงใช้วิธีการเดิม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงจึงจะกลับเข้าถึงฝั่งภูเก็ตได้พลเรือตรีวิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการ กล่าวถึงการการปฏิบัติการย้ายวัตถุลอยน้ำกลับเข้าฝั่ง ว่า หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้นำเรือหลวง 3 ลำ คือ เรือหลวงศรีราชา เรือหลวงมันใน และเรือหลวงริ้น ออกปฏิบัติการเพื่อย้ายสิ่งก่อสร้างบ้านลอยน้ำและฐานเหล็กของ ของกลุ่ม Seasteading เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ปรากฏว่าขณะนี้การดำเนินการดังกล่าวเริ่มเห็นผลแล้ว

โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แยกตัวสิ่งก่อสร้างในส่วนที่ลอยน้ำ คือ อาคาร 8 เหลี่ยมออกจากฐานได้สำเร็จแล้ว โดยใช้วิธีสูบน้ำเข้าตัวเสาซึ่งเป็นทุ่นให้จมลงในน้ำ เพื่อให้ตัวอาคารแปดเหลี่ยมลอยเหนือน้ำ เพื่อจะลากขึ้นฝั่ง แต่เนื่องจากไม่สามารถนำขึ้นเรือได้ จึงใช้เรือหลวงมันในลากเข้าฝั่งแทน และเรือหลวงริ้น ลากในส่วนของทุ่นเข้าฝั่งตามแผนเดิม..พลเรือตรีวิธนรัชต์ กล่าวถึงการดำเนินคดีว่า มั่นใจในส่วนของเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพียงพอ และไม่กลัวหากเอกชนจะฟ้องกลับ เพราะตามกฎหมายประเทศไทยสามารถดำเนินการกับผู้กระทำความผิดได้อย่างแน่นอน และไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ไปสร้างสิ่งปลูกสร้างในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ และเชื่อว่าจากการเอาจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จะเป็นการป้องปรามไม่ให้รายอื่นๆ ดำเนินการด้วย เพราะทางภาครัฐจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องมีการดำเนินคดีไปตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะมีการดำเนินการอย่างแน่นอนด้านนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีมีการดำเนินการตรวจสอบบริษัทที่เกี่ยวข้องว่า เข้าข่ายนอมินิ หรือฟอกเงินหรือไม่นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการในการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งจะมีการตรวจสอบทั้งในเรื่องของเส้นทางการเงิน การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง คาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะทราบผลการตรวจสอบ ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับนั้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่ได้ เพราะตอนนี้มีพยานหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างแน่นอน และขณะนี้ความผิดที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ