(คลิปข่าว) ตลาดอสังหาฯ ไทยสุดบูม ชาวจีนแห่ซื้ออันดับ 1

ปี 2561 อสังหาฯ ไทยขึ้นแท่นได้รับความนิยมจากชาวจีนเป็นอันดับ 1 และเป็นอันดับ 4 ที่จีนเข้ามาลงทุน คิดเป็นมูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.3 หมื่นล้านบาท โดยกรุงเทพฯ ยังมีพื้นที่น่าลงทุนอันดับหนึ่ง ชี้เมกะโปรเจกต์ภาครัฐสร้างความเชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจระยะยาว ติดตามจากรายงานคุณธนัญญา นาคเงิน

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 มีการเติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวต่อเนื่อง ที่ดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศมองเห็นโอกาสการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะชาวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในปัจจุบันกลายเป็นผู้ลงทุนอันดับ 4 ของตลาดอสังหาฯ เมืองไทย คิดเป็นมูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.3 หมื่นล้านบาท ข้อมูลจาก Juwai.com เว็บไซต์อันดับหนึ่งของจีนในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งเข้าถึงผู้บริโภคประมาณ 3.1 ล้านคนต่อเดือน พบว่าประเทศไทยถูกจัดอันดับความนิยมในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนพบว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยได้รับความสนใจ จากผู้ซื้อชาวจีนเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ1 รองลงมาเป็นชาวออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนนาดา อังกฤษ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ กรีซ ญี่ปุ่น และเยอรมนี และประเทศไทยยังได้รับความนิยมในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยกรุงเทพฯ เป็นมหานครแถวหน้าของนักลงทุน และอีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนชาวจีนสนใจชื่นชอบอสังหาฯ ไทยคือ การก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศไทยที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความเชื่อมั่นเรื่องศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาวนักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์  สุรเชษฐ กองชีพ บอกว่า ก่อนหน้านี้ผู้ซื้อชาวจีนอาจจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยกระจายไปตามทำเลที่คุ้นเคย หรือว่าตามทำเลที่มีคนจีนอาศัยอยู่มาก เช่น รัชดาภิเษก ซึ่งไม่ไกลจากสถานฑูตจีน รวมไปถึงพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้า MRT ที่สามารถทำให้เดินทางได้สะดวก แต่ในระยะหลังพบว่าการเลือกทำเลในการซื้อคอนโดมิเนียมของคนจีนเปลี่ยนไป ตามปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจหรือปัจจัยที่เข้ามาเพิ่มความน่าสนใจให้นักลงทุนชาวจีน เช่น การทำการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าชาวจีนมากขึ้น และระบบออนไลน์ที่แข็งแกร่งของประเทศจีนเป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มการรับรู้ให้กับผู้ซื้อชาวจีนโดยตรง เนื่องจากสามารถค้นหาหรือทำความรู้จักแต่ละทำเลของกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี การขยายตัวของกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนในอนาคตอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเป็นตัวแปร เช่น สงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา ที่อาจจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศจีน การลดลงของค่าเงินหยวน มาตรการการควบคุมของรัฐบาลจีน และความเข้มงวดของรัฐบาลไทย แต่สุดท้ายแล้วคนจีนจะยังคงสนใจมาเที่ยวประเทศไทยและซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันนี้อาจจะมีปัญหาบ้างจากทั้งไทยและประเทศจีนเอง ดังนั้น ทำให้ในอนาคตเชื่อได้ว่าผู้ซื้อชาวจีนจะกระจายไปทุกพื้นที่ ทุกทำเลของกรุงเทพมหานคร ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ในจังหวัดท่องเที่ยวเท่านั้น