(คลิปข่าว) "สี จิ้นผิง" สั่งกองทัพ เตรียมพร้อม

สถานการณ์โลกเวลานี้ ไม่ใช่เป็นช่วงเวลาที่สงบสักเท่าไหร่นัก คู่ความขัดแย้งเกิดขึ้นในหลายภูมิภาคของโลก แน่นอนว่าบรรดาประเทศมหาอำนาจต่างก็เตรียมความพร้อมกันอย่างต่อเนื่องในการรับมือกับสถานการณ์ ที่อาจจะนำพาไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่ง จีนเองก็เป็นประเทศหนึ่งที่เดินหน้าเตรียมความพร้อมเรื่องการทหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้าน ประธานาธิบดีจีนขอให้กองทัพปรับปรุงความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการทหารโดยตรงหรือไม่ก็ตาม

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางของจีน ( ซีเอ็มซี ) กล่าวระหว่างการประชุมกับบรรดาผู้นำเหล่าทัพ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 ผ่านมา ขอให้ผู้บัญชาการของทุกเหล่าทัพเพิ่มการกระตุ้นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาให้มีความตื่นตัว และความกระตือรือร้นต่อ สถานการณ์ฉุกเฉินทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางทหาร การสู้รบ วิกฤติและความยากลำบากในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งย้ำให้ มีทหารทุกเหล่าทัพนั้นมีความพร้อมทั้งการปฏิรูปแผนยุทธศาสตร์ทางทหารเพื่อให้ทันกับยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งสีจิ้น ผิงย้ำว่าเวลานี้ มันกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด และจีนอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวการกำชับเรื่องกองทัพของสี จิ้นผิง ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายามเน้นย้ำในลักษณะนี้ ในปีที่ผ่านมามีหลายครั้งที่เขาไปเยือนหน่วยทหาร ก็มักจะกำชับบรรดานายทหารให้เตรียมความพร้อมเรื่องการรับมือกับสถานการณ์อันไม่คาดคิด และพร้อมในการทำสงครามมาอย่างต่อเนื่อง และถ้อยแถลงล่าสุดนั้นเขาก็กล่าวย้ำ หลังจากก่อนหน้าพูดถึงความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบหรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า วาระไต้หวัน ที่จีนได้เป็นฝ่ายส่งสาส์นไปยังรัฐบาลไต้หวันเพื่อเรียกร้องความเป็นเอกภาพซึ่งเขาต้องการที่จะทำให้ไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ ยุติความขัดแย้งในกรณีที่ไต้หวันพยายามที่จะแยกตัวเป็นอิสระ สิ่งที่จะพัฒนาไปในอนาคตคือการที่จะทำในลักษณะ หนึ่งประเทศ สองระบบกับแผ่นดินใหญ่ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และคุณภาพชีวิตของเพื่อนร่วมชาติซึ่งในวาระดังกล่าวผู้นำจีนยังได้เตือน ไปยังไต้หวันว่าความพยายามใดก็ตามในการผลักดันหรือกระตุ้นให้ไต้หวันเพิ่มการเคลื่อนไหวเพื่อเป็นเอกราชจากแผ่นดินใหญ่อาจนำไปสู่การใช้มาตรการทางทหาร ซึ่งเป็นผู้นำจีนย้ำว่าเป็นสิ่งที่จีนเตือนอีกฝ่ายเสมอว่าไม่เคยรับรองว่าจะไม่เกิดขึ้นนั่นหมายความว่าเวลานี้หากไต้หวันเคลื่อนไหวแยกตัว จีนก็จะใช้กำลังทหารได้ทันทีเช่นกัน ดังนั้นทหารทั้งหมดจำเป็นต้องเตรียมพร้อม ทั้งศึกใน และศึกนอก ที่เวลานี้จีนเองก็ถูกสหรัฐฯ บีบเพื่อให้ผ่อนคลายมาตรฐการทางเศรษฐกิจให้สหรัฐฯ กลับมามีดุลการค้าที่สมดุลกับจีนมากขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าเวลานี้เป็นเวลาของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อย่างแท้จริง ดังนั้นแน่นอนว่าถ้าหากไม่สามารถเจรจากันได้ วันหนึ่งก็อาจจะถึงขั้นของการจำอาวุธเข้าสู้กันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน