(คลิปข่าว) จับตาประชุมจี 20 "จีน-สหรัฐ" ผ่อนปรนสงครามการค้า

เอกชนมองผลเลือกตั้งกลางเทอม ทำสงครามการค้าไม่รุนแรงมากขึ้น และต้องจับตาการเจรจาเวทีการประชุม จี 20 ช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าผู้นำ จีน-สหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มผ่อนปรนสงครามการค้ากันมากขึ้น

รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บัณฑูร วงศ์สีลโชติ  เผยว่า การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐในครั้งนี้ ในสภาสูงนั้น พรรครีพับริกันของนายโดนัล ทรัมป์ ยังครองเสียงข้างมาก แต่สภาล่างพรรคเดโมเครตมีเสียงมาก ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการออกนโยบายการค้าและต่างประเทศของทรัมป์ เพราะสภาสูงจะมีหน้าที่ออกเสียงในการคัดเลือกผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐ แต่สภาล่างจะเป็นผู้เห็นชอบนโยบายของรัฐบาลทั้งนี้ แม้ว่าทรัมป์จะผลักดันนโยบายยากขึ้น แต่นโยบายที่เกี่ยวข้องกับจีนนั้น ทั้ง 2 พรรคมีแนวคิดทิศทางเดียวกันว่าจีนเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ดังนั้นมาตรการตอบโตจีนจึงน่าจะผ่านออกมาได้อีกทั้ง 2 พรรคมองว่าจีนทำการค้าไม่ยุติธรรมกับสหรัฐ โดยเฉพาะการกำหนดให้การลงทุนในจีน ที่กำหนดให้ฝ่ายจีนจะต้องถือหุ่นไม่ต่ำกว่า 51% เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เทคโนโลยีผลิตสินค้าล่าสุดรั่วไหลไปสู่บริษัทต่างๆในจีน ซึ่งตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) ได้เปิดช่องให้ประเทศกำลังพัฒนาออกมาตรการนี้ได้ แต่สำหรับจีนสหรัฐมองว่าเป็นประเทศขนาดใหญ่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ไม่ควรใช้มาตรฐานเดียวกับประเทศกำลังพัฒนา ทำให้สหรัฐเสียเปรียบทางการค้า ทั้งนี้ จากสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบกับจีนอย่างมาก ทำให้การบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนลดลง และมีแนวโน้มที่บริษัทต่างๆจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น ซึ่งเศรษฐกิจจีนพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก หากหดตัวก็จะได้รับผลกระทบมาก ดังนั้นจีนจึงอาจจะยอมผ่อนปรนในบางเรื่อง ส่วนสหรัฐ ก็ได้รับผลกระทบสินค้าภายในประเทศมีราคาแพงขึ้น ซึ่งสหรัฐพึ่งพาการนำเข้าสินค้าแทบทุกชนิดจากจีน ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐแย่ลง ดังนั้นจึงต้องจับตาการเจรจาระหว่างนายสี จิ้นผิง และนายทรัมป็ ในเวทีการประชุม จี 20 ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งมีแนวโน้มผ่อนปรนกันมากขึ้นรองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกที่ออกมานั้นเมื่อดูแล้ว ซึ่งพรรคเดโมแครตได้คุมสภาล่าง ก็มองให้เห็นว่า การที่กฎหมายผ่านสภาล่างไปสภาบน อาจต้องใช้เวลานาน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะทำอะไรก็ทำได้อย่างรวดเร็ว  น่าจะเป็นไปในลักษณะการคานอำนาจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะมาตราการสงครามการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีออกมาอีกก็คงไม่ง่ายนัก ซึ่งต้องมีน้ำหนักให้ทางสภาล่างได้พิจารณาก่อน ซึ่งทีมงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คงต้องทำงานหนักมากว่าเดิมในการล๊อบบี้เรื่องต่างๆที่ต้องการให้ผ่านการพิจารณาของสภาล่างส่วนผลกระทบต่อการส่งออกของไทยขณะนี้เท่าที่ดูเบื้องต้นคิดว่า คงไม่ต่างจากเดิมเท่าไรนัก อาจจมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ต้องติดตามว่า หลังจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมออกมาแบบนี้จะมีผลต่อค่าเงินดอลาร์อย่างไร จะมีอ่อนค่าลงมากน้อยแค่ไหนอย่างไรก็ตามในภาพรวมดูแล้วไม่น่าจะทำให้สงครามการค้ารุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากนี้ไปต้องดูการประชุมจี20ผลการประชุมหรือผลการเจราจะเป็นอย่างไร รวมทั้งการต่อรองการค้าด้วยเพราะที่ผ่านมา ทรัมป์มีอำนาจต่อรองมาก เพราะคุมเสียงทั้งสภาบนและสภาล่าง เวลาไปเจรากับจีนก็จะมีความเข็มแข็งในระดับหนึ่ง แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกแบบนี้เชื่อว่า การเจราก็คงต้องไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง