(คลิปข่าว) "ทรัมป์" สูญเสียเสียงข้างมาก ส.ส.แต่ยังอ้างชัยชนะ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างความสำเร็จครั้งมโหฬารที่ทำให้พรรครีพับลิกัน ได้เสียงในวุฒิสภามากขึ้น แต่เขาต้องสูญเสียอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรให้พรรคเดโมแครต ทำให้ 2 ปีต่อจากนี้เขาจะตกที่นั่งลำบาก ไม่อาจผลักดันนโยบายต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
พรรคเดโมแครตสามารถกลับมาคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้อีกครั้งในรอบ 8 ปี โดยสามารถคว้าที่นั่งได้อย่างน้อย 222 ที่นั่งจากทั้งหมด 435 ที่นั่งในการเลือกต้้งกลางเทอมเมื่อวานนี้ โดยอาศัยความได้เปรียบจากกระแสความไม่พอใจของชาวอเมริกันต่อการบริหารประเทศของทรัมป์ในช่วงเกือบ 2 ปีนี้ แต่กระแสบลูเวฟ หรือ ความนิยมต่อพรรคเดโมแครตยังไม่มีพลังมากพอเป็น "สึนามิ" ทำให้พรรครีพับลิกันมีแนวโน้มได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 51 ที่นั่ง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทรัมป์ยังเป็นพลังสำคัญของรีพับลิกัน ทรัมป์ อวดอ้างชัยชนะโดยทวีตเมื่อคืนวานว่า ขอบคุณสำหรับความสำเร็จครั้งมโหฬารในค่ำคืนนี้ นอกจากนี้เขายังทวีตความเห็นของเบน สไตน์ นักวิจารณ์หัวอนุรักษ์นิยม ที่ชื่นชมว่า ทรัมป์มีเวทมนตร์ทำให้พรรครีพับลิกันประสบชัยชนะครั้งใหญ่ สามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาเพิ่มขึ้น ทั้งที่ตัวเขาถูกสื่อโจมตีรายวัน ขณะที่แนนซี เพโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครต ที่ได้รับเลือกตั้งอีกสมัย ประกาศว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันใหม่ของอเมริกา เดโมแครตจะตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลทรัมป์ แต่สัญญาว่าสภาจะทำงานเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะขัดแย้งกันมามากพอแล้ว และชาวอเมริกันต้องการความสงบสันติ ส่วนพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนปัจจุบันที่กำลังจะอำลาตำแหน่ง กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ประวัติศาสตร์ได้ซ้ำรอยอีกครั้ง เราไม่จำเป็นต้องมีการ เลือกตั้งเพื่อให้ทราบว่าประเทศของเราแตกแยกขนาดไหน และตอนนี้เราก็มีการเมืองที่แบ่งแยก แต่ไรอันก็ยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกันในช่วง 2 ปีที่เหลือนับจากนี้ทรัมป์อาจเผชิญความยากลำบากในการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ รวมทั้งอาจถูกตรวจสอบกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน และหนึ่งในเป้าหมายอันดับแรกๆของเดโมแครต คือ ผลักดันการปฏิรูปการเลือกตั้ง และธรรมาภิบาล ขณะที่ผลเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ยังสร้างสถิติอาจมีผู้ใช้สิทธิราว 114 ล้านคน มากกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่มีจำนวน 83 ล้านคน และยังสร้างสถิติมีผู้หญิงที่จะได้รับเลือกเป็นส.ส.อย่างน้อย 99 คน มากกว่าปัจจุบันที่มีอยู่ 84 คน โดยจะมีส.ส.หญิงมุสลิมสองคนแรก ได้แก่ อิลฮาน โอมาร์ อดีตผู้ลี้ภัยชาวโซมาเลีย และ ราชิดา เทลบ ลูกสาวผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ นอกจากนี้ อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-กอร์เตซ และแอบบี ฟิงเกนนาวเออร์ จะเป็นส.ส.ที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัย 29 ปี นักวิจารณ์ของซีเอ็นเอ็น บอกด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกระแส เรนโบว์ เวฟ หรือคลื่นสีรุ้ง เพราะในสภาคองเกรสชุดใหม่จะมีหญิงมุสลิมคนแรก .หญิงอเมริกันพื้นเมืองคนแรก หญิงผิวสีคนแรกจากรัฐแมสซาชูเสตต์ และชาวละตินคนแรกจากรัฐเท็กซัส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง