Program Online

(คลิปข่าว) ยุทธศาสตร์ชาติ... "เซ็นทรัลล็อค" การเมืองไทย?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ยุทธศาสตร์ชาติ... "เซ็นทรัลล็อค" การเมืองไทย?

มาต่อกันที่ประเด็นใหญ่ระดับโครงสร้างประเทศกันบ้าง ไม่ใช่โครงสร้างปัจจุบันเท่านั้น แต่ยาวไปถึง 20 ปีนั่นก็คือ "ยุทธศาสตร์ชาติ" ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เมื่อวาน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด ก็ได้นำคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสื่อสารต่อถึงสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชน

(คลิปข่าว) ยุทธศาสตร์ชาติ... "เซ็นทรัลล็อค" การเมืองไทย?

โดยสิ่งที่ท่านนายกฯต้องการบอกก็คือ ยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้ ถือเป็นฉบับแรกของประเทศไทยที่ทุกภาคส่วนจะต้องนำไปปฏิบัติเพื่อก้าวสู่วิสัยทัศน์ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นายกฯจึงฝากให้สื่อมวลชนและประชาชนทุกคนไปศึกษาทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปที่มีความเชื่อมโยงกัน 2 โดย 5 ปีแรกนับจากนี้ถือว่าสำคัญที่สุด รัฐบาลชุดหน้าจะต้องทำตามกรอบนี้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ โดยยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจเป้าหมายสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติคือ ประเทศไทยจะต้องพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และมีความสมดุลในการพัฒนาทุกด้าน ภายใต้ "ยุทธศาสตร์ 6 ด้าน" คุณผู้ชมดูกราฟฟิกบนหน้าจอไปพร้อมกันเลยการจัดทำ "ยุทธศาสตร์ชาติ" ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อยู่ในหมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ ระบุว่า "รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว"นี่คือหลักคิดของการมี "ยุทธศาสตร์ชาติ" ถามว่าดีหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าดี เพราะเราเห็นประเทศอื่นๆ ทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ประกาศยุทธศาสตร์ชาติกันมานานแล้ว 10 ปีบ้าง 5 ปีบ้าง แต่บ้านเราไม่เคยมีเสียที ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกจริงๆ แต่การมี "ยุทธศาสตร์ชาติ" เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวถึง 20 ปี ก็ทำให้ถูกวิจารณ์เหมือนกันว่าจะสอดคล้องกับพลวัตของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วหรือไม่ นอกจากนั้นการจัดทำ "ยุทธศาสตร์ชาติ" ในช่วงรัฐบาล คสช.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็ทำให้ถูกครหาว่าไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์ที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริงแต่ข้อครหาที่หนักกว่านั้นก็คือ "ยุทธศาสตร์ชาติ" ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่ คสช.ใช้สืบทอดอำนาจหรือไม่ เพราะตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 มาตรา 12 กำหนดให้มี "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ" ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แบ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง 17 คน นอกจากนายกฯแล้ว ก็มีประธานสภาผู้แทนราษฎร , ประธานวุฒิสภา , รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมาย ทั้ง 3 ตำแหน่งนี้เป็นรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ชาตินอกจากนั้นยังมีผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมเป็นกรรมการโดยตำแหน่งด้วย กรรมการโดยตำแหน่งที่เหลือก็คือ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ , ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ , ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย , ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ,

(คลิปข่าว) ยุทธศาสตร์ชาติ... "เซ็นทรัลล็อค" การเมืองไทย?

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารไทยส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ไม่เกิน 17 คน พลเอกประยุทธ์ ก็ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว 12 คน ทำให้ถูกมองว่า แม้รัฐบาลชุดต่อไปจะไม่ใช่รัฐบาลที่มี พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติทั้งหมด 34 คน ก็มีตัวแทนของทหาร คือ ผบ.เหล่าทัพ และยังมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ พลเอกประยุทธ์ ตั้งไว้แล้วอีก 12 คน (มีชื่อ คุณอุตตม สาวนายน คุณสุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ และ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมอยู่ด้วย) ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเสียงข้างมากในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติแล้วนั่นเองความสำคัญของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะไปเชื่อมโยงกับอำนาจของวุฒิสภา ซึ่งแน่นอนว่า ส.ว.ชุดแรก 250 คน ล้วนมาจาก คสช. โดยวุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยคณะรัฐมนตรีต้องจัดทำรายงานความคืบหน้าเสนอรัฐสภาทุกๆ 3 เดือน และหากเห็นว่าคณะรัฐมนตรีไม่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ วุฒิสภาก็มีอำนาจส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และชงเรื่องให้ ป.ป.ช.ลงดาบได้ โดยขีดกรอบเวลาเอาไว้ไม่เกิน 60 วันด้วย ทั้งหมดนี้บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลมาตรา 29 ของพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินี่คือสิ่งที่บรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองมองว่า ยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่เป็นแค่ "กุญแจล็อค" ให้รัฐบาลชุดต่อไปต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติที่ คสช.วางเอาไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นระบบ "เซ็นทรัลล็อค" ที่กดปุ่มจากคนเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียวด้วย แม้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะยืนยันว่าบางเรื่องสามารถแก้ไขได้ แต่เมื่อดูช่องทางการตรวจสอบตามกฎหมายแล้ว คงยากที่พรรคการเมืองจะกล้าพลิ้ว ไม่ยอมปฏิบัติตาม

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ