(คลิปข่าว)โตมาแบบไหน "ดีเจพี่อ้อย" โพสต์เจ็บร่ายยาว เหตุ ม.2รุมป.4!
เป็นประเด็นดราม่าชามโตเมื่อมีการโพสต์คลิปเหตุการณ์หลานสาวถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายร่างกายและถูกเผยแพร่ไปบนโลกออนไลน์สร้างความไม่พอใจให้กับสังคมไทยเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกินจะรับได้ โพสต์ดังกล่าวระบุถึงความโกรธเมื่อได้เห็นคลิปหลานสาวของตนเองซึ่งเรียนอยู่ชั้นป.4ถูกกลุ่มรุ่นพี่ชั้นม.2รุมทำร้ายในห้องเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
โดยหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ออกมาชี้แจงว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเพื่อนของนักเรียนชั้น ป.4 ได้แจ้งครูที่ปรึกษา ก่อนพาไปพบกับครูฝ่ายปกครองและทางโรงเรียนได้ทำการว่ากล่าวตักเตือน และทำทัณฑ์บนรุ่นพี่กลุ่มดังกล่าวแล้ว และหากนักเรียนกลุ่มนี้กระทำผิดอีกครั้ง โรงเรียนจะตัดคะแนนความประพฤติ และให้พักการเรียน นอกจากนี้ขอไม่ให้มีการแชร์คลิปดังกล่าวต่อไปบนโลกออนไลน์ จากการสอบสวนรุ่นพี่ชั้น ม.2 ยอมรับว่า พวกตนกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรงจริง แต่ไม่ได้กักขังหรือมีเจตนาทำร้าย พร้อมทั้งรู้สึกเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งภายหลังโรงเรียนจึงเรียกผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 ฝ่ายเข้าเจราจา โดยผู้ปกครองฝ่ายรุ่นพี่ชั้น ม.2 ยินยอมจ่ายค่าทำขวัญให้กับผู้ปกครองนักเรียนชั้น ป.4 เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทโดยไม่ติดใจเอาความต่อกัน
ต่อมาได้มีการแจ้งความคืบหน้าว่าท่านผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาทราบเรื่องแล้วและแม้ตอนนี้จะติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศแต่ได้สั่งการให้รองผู้ว่าฯและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงมาจัดการเรื่องนี้แล้วระบุ ถึงมือท่านผู้ว่าฯผมเชื่อมั่นในหลักการทำงานของท่านอย่างตรงไปตรงมา หวังว่าคงได้รับความยุติธรรมจากท่าน
ทางด้าน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวระบุว่า กรณีเด็ก ม.๒ ทำร้ายเด็ก ป๔. ไม่ควรนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นการขัดขวางพัฒนาการตามวัยของเด็ก แต่ควรใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือกเพื่อปรับพฤติกรรมที่เหมาะสม การที่เด็กมีพฤติกรรมใช้ความรุ่นแรง นั้นเป็นพฤติกรรมเกเร (Conduct Behavior) ซึ่งหากพิจารณาตามจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและฮอร์โมนส่งผลให้วัยรุ่นมีอารมณ์แปรปรวนง่าย ไม่คงที่ ฉุนเฉียว โกรธง่าย และมักแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง จึงทำให้เด็ก/เยาวชนที่กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น มีพฤติกรรมการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือการละเมิดกฎเกณฑ์ของสังคม เช่น พฤติกรรมขโมย พูดปด หลอกลวง หนีเรียน หนีออกจากบ้าน ชกต่อย รังแกคนอื่น รังแกสัตว์ และทำลายของสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกับระดับของปัญหาและความเสี่ยงต่อการทำผิดในอนาคต และกระทำผิดซ้ำได้
ปัญหาดังกล่าวจึงไม่ควรปล่อยผ่านด้วยกระบวนการปกติ จากประสบการณ์ที่เคยเป็นทีมพัฒนาเครื่องมือจำแนกเพื่อค้นหาสาเหตุปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยจำเป็นในการกระทำความผิดของเด็กหรือเยาวชน การใช้ความรุนแรง จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องมีการสอบถามในเครื่องมือดังกล่าว เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขบำบัดเด็ก/เยาวชน ได้ตรงกับสภาพปัญหามากยิ่งขึ้น
ดังนั้น การที่เด็กหรือเยาวชนมีพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงจึงถือว่าเป็นเด็กเสี่ยงต่อการกระทำผิดได้ และในการพัฒนาเครื่องมือจำแนกเด็กหรือเยาวชนในการในแบบประเมินความเสี่ยงและความจำเป็นจึงถือว่าเป็นพฤติกรรมเกเร (Conduct Behavior) นั้นต้องได้รับการบำบัดแก้ไขฟื้นฟู
ดังนั้น การทำทัณฑ์บน หรือกล่าวคำขอโทษจึงไม่เป็นการเพียงพอ จำเป็นต้องใช้กระบวนการปรับพฤติกรรมที่เหมาะสมประกอบด้วย เช่น การใช้กระบวนการประชุมกลุ่มครอบครัวและชุมชน ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งสามารถประสานงานได้ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ทั่วประเทศให้เข้าไปช่วยดำเนินการครับ
ล่าสุด ดีเจพี่อ้อย ออกมาเคลื่อนไหว ผ่านทวิตเตอร์พร้อมข้อความว่า เห็นข่าวเด็กม.2รุมแกล้งน้องป.4 ที่เป็นออทิสติกแล้วหดหู่ใจ น้องเติบโตขึ้นมาแบบไหนถึงใจร้ายขนาดนี้ มารู้คำตอบอีกที ตอนพ่อแม่น้องเสนอเงินให้ครอบครัวเด็กออทิสติกเลยไม่แปลกใจ เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า แล้วผู้ใหญ่วันนี้ ทำอะไรดีๆไว้ให้เด็กดูหรือยัง ปัญหาไม่ได้จบได้แค่จ่ายเงิน
เรียบเรียงโดย : ลัทธภพ แก้วโย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง