(คลิปข่าว) เทศกาลกินปลา ราชาแห่งโปรตีน

เฮฮาแถมอิ่มท้อง จัดแข่งขันกินปลาเผา เทศกาลกินปลา ราชาแห่งโปรตีน หนุนเกษตรกรรวมกลุ่มเลี้ยงปลา แปรรูปขาย โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ตลาดสหกรณ์ปลา ของ สหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำจังหวัดอุตรดิตถ์ ประมงอำเภอพิชัย ร่วมกับ เกษตรกรแปลงใหญ่ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังอำเภอพิชัย ได้จัดกิจกรรม เทศกาลกินปลา ราชาแห่งโปรตีนขึ้น โดยมีนายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดงานดังกล่าว

บรรยากาศภายในงานคึกคัก สนุกสนาน ประชาชนชาวอำเภอพิชัยต่างร่วมกิจกรรมจำนวนมาก เนื่องจากเป็นรูปแบบการจัดงานครั้งแรก และเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังในรูปแบบเกษตรกรแปลงใหญ่ รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำอุตรดิตถ์ จำกัด ที่มีสามารถ 54 ราย เลี้ยงปลานิลกว่า 700 กระชังเลาะริมฝั่งแม่น้ำน่านของอำเภอพิชัย โดยสามารถเพาะเลี้ยงปลานิล ปลานิลแดง ออกสู่ตลาดปีละไม่น้อยกว่า 350 ตันการจัดงานเทศกาลกินปลา ราชาแห่งโปรตีน เพื่อส่งเสริมด้านการตลาด เชิญชวนผู้บริโภคหันมาทานปลา ซึ่งมีโปรตีนสูง ไม่มีไขมัน กินได้ทุกเพศทุกวัย ภายในงานกลุ่มแม่บ้านพ่อบ้าน หรือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง จัดสาธิตเมนูปลา ทั้งปลานิลทอดน้ำปลา, สลัดปลา ,ลาบปลา ,ต้มยำปลา ,เมี่ยงปลา พร้อมให้ประชาชนเข้าร่วมชมงานได้รับประทานผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ได้รับความสนใจและมีผู้สมัครแข่งขันมากกว่าที่กำหนดไว้ คือ การแข่งขันกินปลาเผาเกลือใบเตยยัดไส้ ที่เผากันแบบสดๆ ใหม่ๆ หอมกลิ่นใบเตยที่ใช้ยัดตรงพุงปลา ยิ่งเชิญชวนให้ผู้ร่วมงานเกิดความหิว กติกาแข่งขันปลา 1 ตัว 1 กิโลกรัม ใครกินหมดหรือกินได้มาก เวลา 2 นาที รับรางวัลเงินสด 1,000 บาทพร้อมปลาเผาเกลือ 1 ตัว เมื่อกรรมการเริ่มการแข่งขัน 10 คนต่างมีเทคนิค เปิดหนังปลาออกก่อน จากนั้นเลือกกินตรงที่มีเนื้อปลาแน่นๆ ระมัดระวังก้าง ดื่มน้ำตามคำต่อคำ ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน เมื่อหมดเวลากรรมการใช้วิธีนำปลาขึ้นชั่ง ใครน้ำหนักน้อยสุดคือผู้ชนะนอกจากนี้ ภายในงาน จัดเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอพิชัยให้ความรู้เรื่องของการเลี้ยงปลาในกระชัง และข้อดีของการรวมกลุ่มเกษตรกรเป็นแปลงใหญ่ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือง่ายต่อการเชื่อมโยงการตลาด ผลิตปลาคุณภาพมีเพียงพอต่อความต้องการอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเกษตรกรแลกเปลี่ยนรู้เรียน เทคนิคการเลี้ยงปลาจนสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ และรวมกลุ่มแปรรูป เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงจะเป็นช่องทางระบายผลผลิตให้ผู้บริโภคได้เลือกอย่างหลากหลายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตการเกษตรกรอีกด้วย